31 บจ.ลุยเพิ่มทุนกว่า 2.7 หมื่นลบ. เติมสภาพคล่อง-คืนหนี้

ครึ่งปี 67 เพิ่มทุนสนั่น 31 บจ.กลาง-เล็ก ลุยเติมเงินทั้ง RO-PP มูลค่ารวมกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่หวังเสริมสภาพคล่อง-คืนหนี้  7 บริษัทขอทุนเพิ่มเกิน 1,000 ล้านบาท "KEX" มูลค่าสูงสุดเฉียด 9,000 ล้านบาท ส่วน "SABUY" น่าห่วง หลัง "Lightnet" ขอยกเลิกดีล PP ระดับ 3,000 ล้านบาท เหตุราคาหุ้นล่าสุดดิ่งแรงกว่าราคาจองซื้อถึง 70%

*** ปีนี้พบแล้ว 31 บจ.ประกาศเพิ่มทุนกว่า 2.7 หมื่นลบ.

"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผ่านโปรแกรม SETSMART ตั้งแต่ต้นปี (YTD) ระหว่าง 1 ม.ค. - 19 มิ.ย.2567 พบมี 31 บริษัทที่ประกาศเพิ่มทุนในช่วงดังกล่าว มูลค่ารวมกันกว่า 27,812 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์นำเงินไปเพิ่มสภาพคล่อง และชำระคืนหนี้

*** ส่วนใหญ่เพิ่มทุนแบบ RO มูลค่ารวมกว่า 1.9 หมื่นลบ.

ขณะที่ เมื่อสำรวจประเภทการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียน พบว่าปีนี้ส่วนใหญ่เป็นการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือครองหุ้น (RO) ถึง 21 บริษัท คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 19,264 ล้านบาท ประกอบด้วย
 

21 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 25 บริษัท ขณะที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ติดโผจำนวน 6 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ติดโผมากสุด จำนวน 3 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบริการรับเหมาก่อสร้างที่ติดโผ จำนวน 2 บริษัท เท่ากัน 

*** KEX เพิ่มทุน RO มูลค่าสูงสุด 8.9 พันลบ.

บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX เป็นบริษัทที่เพิ่มทุนแบบ RO มูลค่าสูงสุด 8,998 ล้านบาท หลังเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,812 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.2 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนหุ้นเดิม/ใหม่ ที่ 0.6196 : 1 โดยจะเปิดจองซื้อตั้งแต่ 21 - 27 ส.ค.นี้ มีวัตถุประสงค์นำเงินไปชำระคืนหนี้

นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 บริษัท ที่เพิ่มทุนแบบ RO มากกว่า 1,000 ล้านบาท ประกอบด้วย บมจ.ฟินันเซีย เอกซ์ (FSX) ที่เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 579 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.5 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนหุ้นเดิม/ใหม่ ที่ 1 : 1 โดยคิดเป็นมูลค่า 2,606 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้จองซื้อระหว่าง 24 - 28 มิ.ย.นี้ มีวัตถุประสงค์นำเงินไปชำระคืนหนี้ และลงทุนเพิ่ม

ด้าน บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี (PSTC) เสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 2,371 ล้านหุ้น ที่ราคา 0.5 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนหุ้นเดิม/ใหม่ ที่ 1 : 1 โดยคิดเป็นมูลค่า 1,186 ล้านบาท เปิดจองซื้อระหว่าง 10 - 16 พ.ค.ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์นำเงินไปชำระคืนหนี้ 

*** ฟากเพิ่มทุน PP มี 15 บจ. มูลค่ารวม 1.1 หมื่นลบ.

ขณะเดียวกัน พบ 15 บริษัท ที่ประกาศเพิ่มทุนแบบเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อผู้ลงทุนเป็นการเฉพาะเจาะจง (PP) มูลค่ารวม 11,626 ล้านบาท ประกอบด้วย 
 

โดย 15 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 11 บริษัท ขณะที่ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ติดโผจำนวน 4 บริษัท ซึ่งกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, บริการ, รับเหมาก่อสร้าง ติดโผมากสุด จำนวน 2 บริษัท เท่ากัน ส่วนที่เหลือกระจายตัวออกไปหลายอุตสาหกรรม 

*** SABUY เพิ่มทุน PP มูลค่าสูงสุด 2.9 พันลบ.

บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) เป็นบริษัทที่เพิ่มทุนแบบ PP มูลค่าสูงสุด 2,990 ล้านบาท หลังประกาศขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับ Lightnet Pte. Ltd. (Lightnet) จำนวน 1,300 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.3 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา SABUY ออกมาประกาศว่าต้องยกเลิกแผนเพิ่มทุนดังกล่าวออกไป เนื่องจากผู้ซื้ออย่าง Lightnet ขอยกเลิกธุรกกรม หลังหุ้น SABUY ปรับตัวลงมาอยู่ที่ราคา 0.63 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าราคาเสนอขาย PP ที่ราคา 2.3 บาทหุ้นถึง 72.60%

นอกจากนี้ มีอีก 2 บริษัท ที่เพิ่มทุนแบบ PP มูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท ประกอบด้วย บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) ที่เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,522 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ 2 ราย คือ "กฤษณ์ ณรงค์เดช" และ "พาที สารสิน ที่ราคา 0.42 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น 1,059 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์นำเงินไปชำระคืนหนี้ และลงทุนเพิ่ม

ด้าน บมจ.วาว แฟคเตอร์ (W) เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,522 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ 10 ราย ประกอบด้วย "สาธิตา พลสุวัตถิ์", "ชรินรัตน์ เพ่งสวัสดิ์", "ศุภชัย วัฒนาสุวิสุทธิ์", "ปฏิมา จีระแพทย์", "ณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์", "ชาติชาย พุคยาภรณ์","ธิติ วงศ์สุทธิรัตน์", "บุญเอื้อ จิตรถนอม", "ปุณยนีย์ ว่องเจริญวัฒนา"และ "ปฏิพล ประวังสุข" ที่ราคา 0.65 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น 1,052 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์นำเงินไปชำระคืนหนี้, ลงทุนเพิ่ม และใช้เป็นทุมหมุนเวียน
 
 

*** 5 บจ. เพิ่มทุนทั้ง RO - PP มูลค่ารวม 4 พันลบ.

ขณะเดียวกัน มี 5 บริษัท ที่ประกาศเพิ่มทุนทั้งแบบ RO - PP คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 4,001 ล้านบาท โดย บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) มีมูลค่าการเพิ่มทุนสูงสุด 1,359 ล้านบาท แบ่งเป็นการเพิ่มทุนแบบ RO มูลค่า 300 ล้านบาท จากการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 714 ล้านหุ้น ที่ราคา 0.42 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนหุ้นเดิม/ใหม่ 9.38 : 1 อีกทั้งขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP อีก 1,059 ล้านบาท จากการสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,522 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ 2 ราย คือ "กฤษณ์ ณรงค์เดช" และ "พาที สารสิน ที่ราคา 0.42 บาท/หุ้น 

ขณะที่ บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) ขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งแบบ RO - PP มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเพิ่มทุนแบบ RO มูลค่า 452 ล้านบาท จากการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 133 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.4 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนหุ้นเดิม/ใหม่ 12 : 1 อีกทั้งขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP อีก 547 ล้านบาท จากการสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 161 ล้านหุ้นให้กับบริษัท อิมแพคท์ โซล่าร์ กรุ๊ป จำกัด (ISG) ที่ราคา 3.4 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 20 - 26 ส.ค.นี้

ด้าน บมจ.เอ.เจ.พลาสท์  (AJ) ขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งแบบ RO - PP มูลค่ารวม 920 ล้านบาท แบ่งเป็นการเพิ่มทุนแบบ RO มูลค่า 499 ล้านบาท จากการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 85 ล้านหุ้น ที่ราคา 5.869 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนหุ้นเดิม/ใหม่ 5.1765 : 1 อีกทั้งขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP อีก 421 ล้านบาท จากการสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 71.8 ล้านหุ้นให้กับบริษัท Auctus Holdings Limited, ธนาคารกรุงเทพ และ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) ที่ราคา 5.869 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 5 - 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ฟาก บมจ.ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) ขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งแบบ RO - PP มูลค่ารวม 722 ล้านบาท แบ่งเป็นการเพิ่มทุนแบบ RO มูลค่า 644 ล้านบาท จากการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,477 ล้านหุ้น ที่ราคา 0.26 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนหุ้นเดิม/ใหม่ 1 : 2 อีกทั้งขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP อีก 78 ล้านบาท จากการสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 260 ล้านหุ้นให้กับ New Edge Energy Opportunity Sub Fund ที่ราคา 0.3 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 26 ก.ค. - 26 ต.ค.นี้

ปิดท้ายด้วย บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO จำนวน 8,387 ล้านหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนหุ้นเดิม/ใหม่ ที่ 1 : 1.5 แต่ยังไม่เปิดเผยราคาจองซื้อ ประกอบกับ เตรียมขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ให้กับนักลงทุนรายใหญ่ 2 ราย ประกอบด้วย "คณิสสร์ ศรีวชิระประภา" และอีก 1 ราย ยังไม่เปิดเผยชื่อ จำนวนรวม 75 ล้านหุ้น แต่ยังไม่เปิดเผยราคาจองซื้อแบบ PP เช่นกัน