กูรูมอง SET ระยะสั้นยัง Sideway to Sideways Down แนะเก็บหุ้นงบ Q3/66 แกร่ง ขณะที่ ผลสำรวจ IAA Consensus คาดมี 12 บจ.กำไรช่วงดังกล่าวจ่อโตทั้ง YoY - QoQ หุ้นกลุ่มพาณิชย์ - อาหาร - บริการ นำติดโผสูงสุด คาดกำไรโต YoY สูงสุดถึง 89% ส่วน QoQ คาดโตสูงสุด 99%
*** หลายปัจจัยลบรุมถ่วง SET กูรูแนะเลือกหุ้นกำไร Q3/66 แกร่ง
ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ช่วง 1 เดือนล่าสุด ปรับตัวลงถึง 137.28 จุด หรือ -8.76% หลังถูกหลายปัจจัยลบกดดัน อาทิ ปัจจัยในประทศ อย่างนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วยการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ซึ่งเป็นความกังวลต่อตลาดเพราะอาจเป็นนโยบายที่สร้างภาระหนี้สินให้ประเทศเพิ่มขึ้น กดดันอันดับเครดิตเรทติ้งลดลง ซึ่งอาจทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) ไหลออก
ขณะเดียวกัน ปัจจัยนอกประเทศที่กดดัน SET ในช่วงที่ผ่านมา อาทิ ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลก ที่อยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นได้รับความน่าสนใจลดลง อีกทั้ง ยังมีการสู้รบระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มฮามาส ที่เป็นปัจจัยลบใหม่มากดดันตลาดหุ้นในช่วงสั้นนี้
ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่า จากปัจจัยลบการสู้รบระหว่างอิสราเอล กับ กลุ่มฮามาส รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยังอยู่ในระดับสูงที่ 4.8% จะทำให้ SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในระยะสั้นนี้ จึงแนะนำกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ โดยมองหาหุ้นที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง ถือลงทุนระยะกลาง - ยาว
*** พบ 12 บจ. ถูกโบรกฯคาดงบ Q3/66 จ่อโตทั้ง YoY - QoQ
ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" จึงสำรวจบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จาก IAA Consensus (อัพเดทข้อมูลล่าสุดถึง 9 ต.ค.66) พบ 12 บริษัท ถูกโบรกเกอร์คาดว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทั้งเทียบปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ) ประกอบด้วย
12 บจ. กำไร Q3/66 จ่อโตทั้ง YoY – QoQ
|
ชื่อย่อหุ้น
|
บล.
|
กำไร Q3/66 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
%chg QoQ
|
SAPPE
|
หยวนต้า
|
337
|
89
|
8
|
ทิสโก้
|
321
|
80
|
3
|
ฟินันเซียฯ
|
316
|
78
|
1
|
KLINIQ
|
ดาโอ
|
77
|
72
|
8
|
ICHI
|
ทิสโก้
|
309
|
61
|
21
|
ฟินันเซียฯ
|
273
|
42
|
7
|
หยวนต้า
|
273
|
42
|
7
|
DOHOME
|
เคจีไอ
|
79
|
56
|
99
|
ฟินันเซียฯ
|
78
|
55
|
98
|
ดาโอ
|
66
|
32
|
69
|
BH
|
กรุงศรี
|
2,100
|
40
|
25
|
ดาโอ
|
1,955
|
30
|
12
|
MEB
|
กรุงศรี
|
97
|
24
|
1
|
CPAXT
|
ดาโอ
|
2,000
|
22
|
29
|
หยวนต้า
|
1,900
|
19
|
25
|
เคจีไอ
|
1,800
|
13
|
19
|
SNNP
|
ดาโอ
|
167
|
18
|
7
|
เมย์แบงก์ฯ
|
164
|
15
|
5
|
BDMS
|
ดาโอ
|
3,848
|
14
|
26
|
กรุงศรี
|
3,700
|
9
|
21
|
เคจีไอ
|
3,670
|
8
|
20
|
ดีบีเอสฯ
|
3,601
|
6
|
18
|
COM7
|
ดาโอ
|
806
|
11
|
15
|
เคจีไอ
|
762
|
5
|
8
|
SPRC
|
กรุงศรี
|
3,000
|
พลิกกำไร
|
พลิกกำไร
|
ดาโอ
|
2,600
|
พลิกกำไร
|
พลิกกำไร
|
SPA
|
ทิสโก้
|
66
|
พลิกกำไร
|
10
|
หยวนต้า
|
62
|
พลิกกำไร
|
4
|
หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุด 9 ต.ค.66
|
12 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในดัชนี SET100 จำนวน 7 บริษัท และเป็นบริษัทนอกดัชนี SET100 จำนวน 5 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจพาณิชย์, อาหารและเครื่องดื่ม และบริการ ติดโผมากสุด จำนวน 3 บริษัทเท่ากัน รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจการแพทย์ที่ติดโผจำนวน 2 บริษัท
*** "SAPPE" กำไร Q3/66 จ่อโต YoY สูงสุดถึง 89%
โดย บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) เป็นบริษัทที่ถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ ว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปีก่อนสูงสุด 78 - 89% และคาดจะเติบโตจากไตรมาสก่อนระหว่าง 1 - 8% หลังถูกประเมินกำไรสุทธิช่วงดังกล่าวไว้ที่ 316 - 337 ล้านบาท
มีปัจจัยหนุนจากรายได้รวม ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น 36% จากปีก่อน จากการขยายฐานลูกค้าส่งออกทั้งทวีปเอเชีย และยุโรปเพิ่มขึ้น ประกอบกับ มาร์จิ้นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มปรับตัวลง โดยเฉพาะแพคเกจจิ้งในส่วน pet rasin ในการผลิตขวด อีกทั้งกำลังการผลิตยังอยู่ในระดับ 78% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน อีกด้วย
รองลงมา คือ บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) ที่ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 77 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) เติบโตขึ้น 72% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน มีปัจจัยหนุนจากรายได้รวมขยายตัว จากรายได้ The Klinique, L.A.B.X ที่ขยายตัวจากอัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น หลังมีการขยายสาขารวมขึ้นอีก 4 สาขา เป็น 50 สาขา
*** พบอีก 5 บจ.กำไร Q3/66 จ่อโต YoY มากกว่า 20%
นอกจากนี้ ยังมีอีก 5 บริษัท ที่กำไรสุทธิไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปีก่อนมากกว่า 20% ประกอบด้วย บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) ที่ถูกคาดกำไรไว้ที่ 273 - 309 ล้านบาท เติบโตขึ้น 42 - 61% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 7 - 21% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยรายได้รวมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน ตามการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง, การเปิดท่องเที่ยวในประเทศ และการทำโปรโมชั่น
ขณะเดียวกัน การส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากปีก่อนฐานต่ำ อีกทั้ง มาร์จิ้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่อยู่ในระดับ 74% เทียบกับไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับ 70% โดยในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา มีการผลิตราว 116 ล้านขวด ซึ่งเป็นยอดการผลิตที่สูงสุดของ ICHI นับตั้งแต่เปิดโรงงาน และต้นทุนแพคเกจจิ้งปรับลดลงด้วย
ด้าน บมจ.ดูโฮม (DOHOME) ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 66 - 79 ล้านบาท เติบโตขึ้น 32 - 56% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 69 - 99% จากไตรมาสก่อน หนุนจาก SSSG ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังราคาเหล็กในประเทศกลับสู่ระดับปกติ (เหล็กคิดเป็นยอดขาย 30% ของยอดขายรวม) และไม่มีการขายสินค้าล้างสต็อกเหมือนไตรมาสก่อน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 15.5% เทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน อยู่ที่ระดับ 14% เท่ากัน
ฟาก บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 1.9 - 2.1 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 30 - 40% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 12 - 25% จากไตรมาสก่อน มีปัจจัยหนุนจากจำนวนผู้ป่วยต่างประเทศที่เดินทางเข้ามารักษาโรคซับซ้อน (อัตรากำไรสูง) มากขึ้น อีกทั้งยังมีการเพิ่มเตียงอีก 5.5% อยู่ที่ 497 เตียง ประกอบกับ มีการปรับค่าบริการขึ้นอีก 6.6%
ขณะที่ บมจ.เมพ คอร์ปอเรชั่น (MEB) ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 97 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน ตามจำนวนสมาชิกรวมที่คาดทะลุ 10 ล้านราย เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน ประกอบกับ รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้แพลตฟอร์ม readAwrite ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
ส่วน บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 1.8 - 2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 13 - 22% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 19 - 29% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีกมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้ SSSG ของธุรกิจดังกล่าว จะอยู่ในระดับ 5% และ 3% ตามลำดับ ประกอบกับ CPAXT มีการชำระหนี้เงินกู้คืนไปบางส่วน ทำให้ต้นทุนทางการเงินในช่วงดังกล่าว มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 30% เหลือ 1.3 พันล้านบาท
*** มีอีก 2 บจ.ที่ถูกคาดว่างบ Q3/66 จะพลิกกำไร
ทั้งนี้ มีอีก 2 บริษัท ที่ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มพลิกกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ ประกอบด้วย บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ที่ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 2.6 - 3 พันล้านบาท เทียบปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 5 พันล้านบาท และไตรมาสก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 2.1 พันล้านบาท
หนุนโดย การกลั่นตามราคาตลาด (Market GRM) จะอยู่ที่ระดับ 8.7 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 45% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 549% จากไตรมาสก่อน หลังจากพรีเมี่ยมน้ำมันดิบ (crude premium) ที่ลดลง และดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามการฟื้นตัวของ crack spread อีกทั้ง SPRC จะรับรู้กำไรจากสต็อก (Stock gain) ที่ 3 เหรียญ/บาร์เรล เทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน ที่ขาดทุน 13.3 เหรียญ/บาร์เรล และ 2.8 เหรียญ/บาร์เรล ตามลำดับ
ปิดท้ายด้วย บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) ที่ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 62 - 66 ล้านบาท เทียบปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 15 ล้านบาท และเติบโตขึ้น 4 - 10% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยรายได้จากบริการสปาที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 98% จากปีก่อน ประกอบกับ จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น 6% ทำให้ Capacity ในการให้บริการเพิ่มขึ้น อีกทั้ง รายได้จากผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 54% จากปีก่อน ทำให้ GPM มีแนวโน้มอยู่ที่ระดับ 30% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน และไตรมาสก่อน 1,570 bps และ 62 bps ตามลำดับ