เช้านี้ BJC ดีดทำนิวไฮรอบ 2 ปี รับงบ Q4/65 จ่อโตแกร่ง แถมหุ้นยัง Laggard อีกทั้งมีลุ้นดัน BIGC เข้าตลาดหุ้น ขณะที่โบรกฯมองธุรกิจปี 66 ยังสดใส มาตรการรัฐหนุนแทบทั้งปี อีกทั้งการเปิดเมืองเต็มปีดันธุรกิจค้าปลีก – บรรจุภัณฑ์ฟื้นแรง มองกำไรปี 66 – 67 โตแจ่มเฉลี่ย 35% ต่อปี
*** ดีดนิวไฮ 2 ปี รับงบ Q4/65 จ่อโตแกร่ง
ราคาหุ้น บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ช่วงเช้าวันนี้ (26 ม.ค.66) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 39.25 บาท ทำระดับราคาหุ้นสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) รอบ 2 ปี ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 38.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.36% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 361.32% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ ระบุสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น BJC เช้านี้ ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮรอบ 2 ปี เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงบวก จากผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 ที่กำลังจะประกาศ มีโอกาสที่กำไรสุทธิช่วงดังกล่าวจะเติบโตโดดเด่น อีกทั้งราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ยังค่อนข้าง Laggard กลุ่ม
*** เปิดสาเหตุทำไมงบ Q4/65 จ่อโตแกร่ง
บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ของ BJC ไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 9% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 61% จากไตรมาสก่อน แม้ช่วงดังกล่าว BJC จะต้องเผชิญกับการปรับขึ้นค่าไฟเต็มไตรมาส แต่จะชดเชยด้วยต้นทุนสินค้าล็อตใหม่ที่ค่อย ๆ ถูกลง เช่น น้ำมันปาล์ม และ แผ่นอลูมิเนียม
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/65 ยังเป็นไฮซีซั่นของ BJC ตามการเข้าสู่เทศการท่องเที่ยว และฟุตบอลโลก หนุนให้ความต้องการบริโภคสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ BJC พลิกกลับมาเป็นบวกได้ เทียบกับไตรมาสก่อนที่ยังติดลบอยู่ 2.4%
สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ประเมินว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ของ BJC จะเติบโตขึ้นทั้งเทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน ตากการฟื้นตัวของยอดขายธุรกิจค้าปลีก และบรรจุภัณฑ์ เป็นหลัก ซึ่งจะทำให้รายได้รวมอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 5% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน
ขณะที่ SSSG จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ราว 2 – 3% ด้านธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ยังเห็นการเติบโตที่ดีทั้งจากธุรกิจแก้ว และกระป๋อง ตามความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ทำให้จะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 18.7% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ในระดับ 18% หลังธุรกิจค้าปลีกจัดการต้นทุนได้ดี
*** มาตรการรัฐหนุนผลงานต่อในปี 66
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า ผลการดำเนินงานปี 66 ของ BJC ยังมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง เพราะในช่วงไตรมาส 1 – 3/66 ยังมีปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานอยู่ สะท้อนจากในช่วงไตรมาส 1/66 ที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ ช้อปดีมีคืน ซึ่งทำให้การบริโภคเร่งตัวขึ้น
ขณะที่ ในช่วงระหว่างปี ในไตรมาส 2-3/66 จะได้ประโยชน์จากมาตรการ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 และมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวจากรัฐเพิ่มเติม อีกทั้ง ยังมีการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันยอดขายต่อสาขาที่ชาวจีนนิยม คือ ราชดำริ, ภูเก็ต และ พัทยา เป็นต้น โดยคาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 66 จะอยู่ที่ระดับ 25 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงต่อ BJC อีกด้วย
*** จับตาปีนี้ จ่อดัน BIGC เข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวก ต่อกระแสข่าวที่บลูมเบิร์กรายงานว่า BJC เตรียมนำ BIGC ขายหุ้น IPO ในปีนี้ โดยคาดจะได้รับเงินระดมทุนกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากข่าวดังกล่าวเป็นจริง จะช่วยปลดล็อคมูลค่าเงินลงทุน BIGC ที่อยู่ใน BJC ได้ อีกทั้งจะหนุนให้หุ้น BJC สามารถเทรดบนระดับ P/E ที่สูงขึ้นได้อีก
ทั้งนี้ ทุก ๆ อัตราส่วน P/E ของ BJC ที่ถูกขยับขึ้น 0.5 เท่า จะช่วยหนุนราคาเหมาะสมของ BJC ขึ้น 0.75 บาท/หุ้น ขณะที่ Size ของ BIGC หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อ้างอิงตามเกณฑ์การทำ IPO ขั้นต่ำที่ต้องมีสัดส่วนการกระจายหุ้นรายย่อยหลังเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน (Free float) ไม่ต่ำกว่า 20% กรณีมีทุนจดทะเบียน ตั้งแต่ 3 พันล้านบาทขึ้นไป
มูลค่า (Market Cap.) ของ BIGC จะอยู่ที่ 1.6 - 1.7 แสนล้านบาท ใหญ่กว่า Market Cap. ของ BJC ที่ล่าสุดอยู่ที่ราว 1.5 แสนล้านบาท ราว 9%
ส่วน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เสริมว่า หากการ Spin off BIGC เกิดขึ้นจริง จะส่งผลดีต่อ BJC เพิ่มเติมคือ จะทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น เนื่องจากคาด BJC จะนำเงินบางส่วนไปลดหนี้ลง ขณะที่ในการบริหารจัดการธุรกิจค้าปลีกจะมีความชัดเจนขึ้น
*** ส่องกำไรปี 66 คาดโตแรงราว 17 - 39%
บล.ทรีนีตี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 66 ของ BJC ไว้ที่ 5.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 17% จากปีก่อน หนุนโดย SSSG, สาขาใหม่ของ BIGC รวมทั้งธุรกิจอื่น ๆ ฟื้นตัวโดดเด่น โดยปัจจัยบวกหลัก ๆ คือ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับ BIGC ในพื้นที่ท่องเที่ยว
อีกทั้ง BJC ยังมีการปรับกลยุทธ์ไปเน้น product sales mix ที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะเดียวกัน BJC ยังได้มีการปัญหาค่าไฟที่สูงขึ้นด้วยการติดตั้งแผง solar cell เพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวแล้ว
สอดคล้องกับ บล.พาย ที่ประเมินกำไรสุทธิปี 66 ของ BJC ไว้ที่ 6 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 25% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานธุรกิจค้าปลีกฟื้นตัวแรง ตามการท่องเที่ยวที่กลับสู่สภาวะเกือบปกติ หนุนให้รายได้ค่าเช่าพื้นที่สูงขึ้นด้วย เช่นเดียวกับ ธุรกิจกิจบรรจุภัณฑ์ที่ยังเติบโตดี ตามอัตรากำไรฟื้นตัว
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 66 ของ BJC ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 66 (ลบ.) |
%chg YoY |
หยวนต้า |
7,245 |
39 |
โนมูระฯ |
6,224 |
28 |
*** โบรกฯชี้หุ้นยังน่าสะสมเพราะ Laggard
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ในช่วงนี้ยังเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสมหุ้น BJC เนื่องจากราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน ยัง Laggard หุ้นในกลุ่มอย่าง CPALL และ MAKRO ประกอบกับ ผลการดำเนินมีแนวโน้มเติบโตในระยะถัดไป และมีโอกาสที่เราจะปรับประมาณการขึ้นอีกหลัง BJC ประกาศงบการเงินปี 65 เสร็จสิ้น
เช่นดัยวกับ บล.โนมูระ พัฒนสิน ที่ยังคงแนะนำซื้อ BJC เพราะคาดกำไรสุทธิปี 66 – 67 จะเติบโตโดดเด่นเฉลี่ย 35% ต่อปี ตามการเปิดประเทศ และความสำเร็จในการปรับกลยุทธ์ขายสินค้ามาร์จิ้นสูงขึ้น อีกทั้ง มูลค่า (Valuation) หุ้นยังถูก ซื้อขายบน P/E ปี 66 ที่ระดับ 25.8 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในกลุ่มผู้ขายสินค้าประจำวัน
*** ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่ากำไรสุทธิปี 66 – 67 ของ BJC มีแนวโน้มเติบโตแรงกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกันอย่าง CPALL และ MAKRO อีกทั้ง มูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบันยังค่อนข้างถูก ซึ่งยังไม่สะท้อนกับแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
พาย |
ซื้อ |
45.00 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
42.00 |
ทรีนีตี้ |
ซื้อ |
40.00 |
กสิกรฯ |
ซื้อ |
40.80 |
โนมูระฯ |
ซื้อ |
40.00 |
ราคาเฉลี่ย |
41.56 |
ภายใต้ประมาณการกกำไรสุทธิปี 66 – 67 ของ BJC ที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่ามีโอกาสจะเติบโตเฉลี่ย 35% ต่อปี ยังมีโอกาสถูกปรับขึ้นได้อีก หากสามารถรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 ดีกว่าคาด โดยเฉพาะการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว หากเป็นไปในทิศทางบวกต่อเนื่อง จะยิ่งเปิดอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรสุทธิของโบรกเกอร์ด้วย ...