เช้านี้หุ้น NER บวกสูงสุด 2.56% หลังเคาะจ่ายปันผลให้ยีลด์สูง 5.3 % ขึ้น XD 20 เม.ย.นี้ ขณะที่โบรกฯมองงบผ่านจุดต่ำสุดแล้ว คาด Q1/66 เข้าสู่การฟื้นตัวรอบใหม่ หลังราคาขายยางพาราพลิกขาขึ้น คาดหนุนกำไรปีนี้ กลับมาโตแรง 19 – 26% แถมยังมีโครงการอัพเป้ากำลังผลิตใหม่ จ่อรับรู้ปี 67 ดันกำไรโตระยะยาว แถมหุ้นเหลืออัพไซด์บาน !
*** บวกสูงสุด 2.56% รับปันผลให้ยีลด์ 5.3%
ราคาหุ้น บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ช่วงเช้าวันนี้ (20 ก.พ.66) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 6 บาท เพิ่มขึ้น 2.56% จากวันทำการก่อนหน้า ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 5.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.1 บาท หรือ 1.71% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 77.37% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส ระบุสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น NER ช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวขึ้นสูงสุด 2.56% เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงบวก หลังประกาศจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.31 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ระดับ 5.3% โดยจะขึ้นเครื่องหมายไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) 20 เม.ย.นี้
*** งบผ่านจุดต่ำสุดแล้ว Q1/66 จุดเริ่มฟื้น
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า ผลการดำเนินงานของ NER ได้ผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 4/65 ไปแล้ว และคาดจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เป็นต้นไป โดยประเมินว่าช่วงดังกล่าว NER จะกลับมารายงานกำไรปกติราว 400 ล้านบาท
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของ NER จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงดังกล่าว มีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของราคาขายเฉลี่ยราว 10% ขณะที่ปริมาณการขาย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย จึงน่าจะทำให้กำไรปกติไตรมาส 1/66 ของ NER ฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนได้ราว 20%
เช่นเดียวกับ บล.พาย ที่ประเมินว่า ผลการดำเนินงานของ NER มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวครั้งใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เป็นต้นไป สะท้อนจากราคายางพาราที่กลับทิศทางมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่เดือน พ.ย.65 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนอัตราการทำกำไรของ NER เพิ่มขึ้นได้
*** โบรกฯมั่นงบปี 66 พลิกโตแรง 19 - 26%
บล.เอเซีย พลัส ประเมินกำไรสุทธิปี 66 ของ NER ไว้ที่ 2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 19% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากปริมาณการขายยางพารามีแนวโน้มเติบโตขึ้น 14% จากปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 5.1 แสนตัน อีกทั้ง ยังจะได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจารการประหยัดต่อขนาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิปี 66 ของ NER ไว้ที่ 2.1 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 26% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากปริมาณการขายที่บริษัทตั้งเป้าไว้มีแนวโน้มทำได้ 5 แสนตัน ซึ่งจะหนุนให้รายได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 19% จากปีก่อน
ส่วน บล.พายเสริมว่า ผลการดำเนินงานปี 66 ของ NER จะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากปีก่อน ตามกำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นอีก 5 หมื่นตัน/ปี รวมทั้ง ยังมีแรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีนที่เร็วกว่าคาด ช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของ NER โดยตรง
*** ระยะยาวโตต่อได้ หลังจ่ออัพกำลังผลิต
บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ผลการดำเนินงานของ NER ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อในระยะยาว จากแผนขยายกำลังการผลิตโรงงานแปรรูปยางแท่ง และยางแท่งผสมแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 1.72 แสนตัน/ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตของ NER ได้อีก 32.4% จากปัจจุบัน สู่ระดับ 6.82 แสนตัน/ปี
ทั้งนี้ แผนการดังกล่าว กำลังอยู่ระหว่างเตรียมการและปรับปรุงที่ดิน โดยคาดว่าจะก่อสร้างโรงงานเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาส 1/67 ซึ่งจะใช้งบลงทุนราว 700 ล้านบาท โดยประเมินว่า NER มีความพร้อมสำหรับการลงทุนมากพอสมควร สะท้อนจากเงินสด ณ สิ้นปี 65 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท มี Net gearing อยู่ที่ 1.2 เท่า และสามารถคาดหวังกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (CFO) ปี 66 – 68 เฉลี่ย 1.9 พันล้านบาท/ปี
*** กูรูชี้หุ้นยังน่าสนใจ แถมปันผลสูงอีกนาน
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ยังคงแนะนำซื้อหุ้น NER เนื่องจากมองว่า มูลค่า (Valuation) หุ้น ณ ปัจจุบัน ยังมีความน่าสนใจ สะท้อนจากการซื้อขายบนระดับ P/E ปี 66 เพียง 5 เท่า อีกทั้งยังคาดว่า NER จะจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 66 ในอัตรา 0.48 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ระดับ 8.1%
ส่วน บล.เอเซีย พลัส เสริมว่า ราคาหุ้น NER ปรับฐานไปกว่า 8% นับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ซึ่งได้สะท้อนผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 ที่อ่อนแอไปพอสมควรแล้ว จนทำให้ปัจจุบันหุ้นเทรดบน P/E ปี 66 เพียง 5 เท่า อีกทั้ง ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์สูงกว่า 51% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของเราที่ 9 บาท/หุ้น
นอกจากนี้ นักลงทุน ยังสามารถคาดหวังเงินปันผลระดับสูงได้ในระยะยาวได้อีกด้วย โดยคาดว่า NER จะจ่ายเงินปันผลงวดปี 66 – 68 คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงราว 7.7%, 8.1% และ 9.3% ตามลำดับ
*** ส่วนใหญ่ยังแนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่าผลการดำเนินงานของ NER ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 4/65 โดยคาดว่าปีนี้จะฟื้นตัวได้จากทั้งปริมาณ และราคาขายยางพารามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้ง NER ยังมีเงินสดในมือระดับสูง เพียงพอต่อการลงทุน และการจ่ายเงินปันผลระดับสูงในระยะยาว
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
หยวนต้า |
ซื้อ |
9.70 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
9.00 |
พาย |
ซื้อ |
8.90 |
เมย์แบงก์ฯ |
ซื้อ |
8.70 |
ราคาเฉลี่ย |
9.07 |
หากนักลงทุนพิจารณาราคาหุ้น NER ที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน เทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ จะพบว่าหุ้น NER ยังมีอัพไซด์เหลือให้นักลงทุนได้ลุ้นอีกถึง 51% ด้วยกัน ขณะที่ กำไรสุทธิยังมีแนวโน้มพลิกกลับมาเติบโตต่อเนื่องถึงปี 68 เป็นอย่างน้อย หลังบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิต ที่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ต้นปี 67 เป็นต้นไป ...