เช้านี้ CPALL ดิ่งทำนิวโลว์รอบ 3 เดือน รับงบโค้งแรกต่ำกว่าตลาดคาด 11% ขณะที่ โบรกฯหวั่นกำไรทั้งปีมีดาวน์ไซด์ หลังงบต่ำคาด – ต้นทุนสูงกดดัน แต่ยังมอง Q2/65 กำไรยังฟื้นแรงต่อเนื่อง ตาม SSSG ที่บวกมากกว่า 10% มั่นใจทุกธุรกิจในเครือฟื้นแล้ว ดันกำไรปีนี้โตระหว่าง 16 – 75%
*** นิวโลว์รอบ 3 เดือน รับงบโค้งแรกต่ำคาด 11%
ราคาหุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ช่วงเช้าวันนี้ (12 พ.ค.65) ร่วงไปทำจุดต่ำสุดที่ราคา 62.25 บาท ทำระดับราคาหุ้นต่ำสุด (นิวโลว์) ในรอบ 3 เดือน ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 62.75 บาทลดลง 0.75 บาท หรือ -1.18% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 118.84% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น CPALL เช้านี้ ปรับตัวลงไปทำนิวโลว์ในรอบ 3 เดือน เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่เพิ่งรายงานออกมา ต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้ถึง 11% โดยกำไรสุทธิช่วงดังกล่าวของ CPALL อยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 33% จากปีก่อน
*** โบรกฯหวั่นกำไรปี 65 มีดาวน์ไซด์ หลังงบต่ำคาด
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า กำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ของ CPALL จำนวน 3.4 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพียง 20.5% ของประมาณการทั้งปี 65 ประกอบกับ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ยังอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยอยู่บ้าง ทำให้ฝ่ายวิจัย กำลังอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL ใหม่อีกครั้ง
เช่นเดียวกับ บล.เคทีบีเอสที ที่ระบุว่า กำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL มีดาวน์ไซด์จากประมาณการที่คาดไว้ 1.8 หมื่นล้านบาท จากมาร์จิ้น ที่อาจถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น รวมทั้ง ค่าขนส่ง และ ค่าบรรจุภัณฑ์ ที่ถูกปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม CPALL ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าบางชนิดเพื่อชดเชยผลกระทบดังกล่าวบ้างแล้ว
*** แต่กูรูมั่นใจ กำไร Q2/65 ยังโตแกร่งต่อเนื่อง
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ของ CPALL ยังมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน สะท้อนจากอัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/65 ยังเป็นบวกมากกว่า 10% จากปีก่อน ตามการเข้าสู่ฤดูร้อน และ วันหยุดยาว ของเทศกาลสงกรานต์
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเทอม รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยว จากนักท่องเที่ยวในประเทศ และ ต่างประเทศ ทำให้สินค้าพร้อมทาน และ พร้อมดื่ม รวมถึงสินค้า Personal Care มียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว โดย CPALL ตั้งเป้า SSSG ปี 65 กลับมาบวกราว 3 – 5% จากปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP)
สอดคล้องกับ บล.คิงส์ฟอร์ด ที่มองว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2-3/65 ของ CPALL ยังสามารถเติบโตจากปีก่อน ในอัตราเร่งได้ ตามจำนวนการเดินทางประจำวัน และ การเดินทางข้ามจังหวัดเพิ่มขึ้น จากปีก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เป็นระยะๆ โดย CPALL มีร้านเซเว่นฯ อยู่ตามปั๊มน้ำมันราว 15% และ บริเวณกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ราว 43%
*** ทุกธุรกิจในเครือฟื้นแล้ว ดันกำไรโต 16 - 75%
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แม้กำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL จะยังมีดาวน์ไซด์อยู่บ้าง แต่เชื่อว่า กำไรสุทธิของ CPALL จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 75% จากปีก่อน ตามการฟื้นตัวของทุกธุรกิจในกลุ่ม ทั้งร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ, ธุรกิจค้าส่ง (MAKRO) และ ธุรกิจค้าปลีกให้เช่าพื้นที่ (Lotus’s) หนุนจากการเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของรัฐบาล
นอกจากนี้ การเปิดประเทศมากขึ้น (ยกเลิกมาตรการ Test&Go) ทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศ สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ หนุนผลการดำเนินงานของ CPALL กลับมาฟื้นตัวโดดเด่น
ส่วน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานปี 65 ของ CPALL มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยประเมินกำไรสุทธิปี 65 ไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 16% จากปีก่อน ตามการฟื้นตัวของผู้ใช้บริการร้านเซเว่นฯ ขณะที่ ในระยะถัดไป มีความเป็นไปได้ ที่จำนวนลูกค้าร้านเซเว่นฯ จะกลับไปอยู่ที่ 9 ร้อย – 1 พันคน/สาขา
สาเหตุสำคัญ เป็นเพราะการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ หลังภาครัฐผ่อนปรนมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ทำให้ยอดขายร้านเซเว่นฯ ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะ จังหวัดท่องเที่ยว มียอดขายกลับมาใกล้เคียงกับช่วงสถานการณ์ปกติ ส่วน MAKRO คาดเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) |
%chg YoY |
เคทีบีฯ |
18,510 |
42 |
คิงส์ฟอร์ด |
15,554 |
20 |
*** โบรกฯมองทั้งพื้นฐาน – Valuation น่าสนใจ
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หุ้น CPALL ยังมีความน่าสนใจ สะท้อนจากกำไรสุทธิปี 65 - 66 ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แม้กำไรปี 65 อาจมีดาวน์ไซด์เล็กน้อยก็ตาม แต่ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์ ราว 15% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของเราที่ 75 บาท/หุ้น จึงยังแนะนำ"ซื้อ"
ขณะที่ บล.คิงส์ฟอร์ด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานของ CPALL ได้ผ่านช่วงที่แย่สุดในช่วงไตรมาส 3/64 ไปแล้ว ประกอบกับ เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของ CPALL ในระยะยาว จากการได้รับสิทธิแฟรนไชส์ร้านเซเว่นฯ ในประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว ประกอบกับ ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์ที่น่าสนใจ จึงยังแนะนำ"ซื้อ"
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่า กำไรสุทธิของ CPALL ในปี 65 ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามการเปิดประเทศ และ มาตรการควบคุมโควิด-19 ที่ลดความเข้มงวดลง ประกอบกับ ราคาหุ้น ยังมีอัพไซด์ค่อนข้างน่าสนใจ
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
ยูโอบีฯ |
ซื้อ |
82.00 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
75.00 |
ดีบีเอสฯ |
ซื้อ |
74.50 |
เคทีบีฯ |
ซื้อ |
72.00 |
โนมูระฯ |
ซื้อ |
72.00 |
ราคาเฉลี่ย |
75.10 |
หากอ้างอิงข้อมูลของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ดูเหมือนว่า กำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL มีแนวโน้มจะเติบโตเป็นขั้นบันไดทุกไตรมาส โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นสุด เพราะคาดว่า จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และ กิจกรรมทางเศรษฐกิจมากที่สุด ...