ข่าวนี้ที่ 1

เปิด 13 หุ้นรับอานิสงส์ ศบค.คลายล็อกดาวน์-เปิดประเทศเพิ่ม

เปิด 13 หุ้นรับอานิสงส์ ศบค.คลายล็อกดาวน์-เปิดประเทศเพิ่ม

   โบรกฯ เปิดโผ 13 หุ้นกลุ่มเปิดเมือง รับอานิสงส์ ศบค.ลดเวลาเคอร์ฟิว -ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่ม ทั้งเปิดโรงหนัง-สปา ขยายเวลาเปิดห้าง-ร้านสะดวกซื้อถึง 21.00 น. เริ่ม 1 ต.ค.นี้ พร้อมเปิดอีก 10 จังหวัด เปิดรับต่างชาติ ตั้งแต่พ.ย.นี้ 

 

****ต่อพ.ร.ก. ฉุกเฉินฯอีก 2 เดือน-ลดเวลาเคอร์ฟิว

    พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรถึง 30 พ.ย.นี้ ลดระยะเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) เป็น 22.00-04.00 น. จากเวลา 21.00-04.00 น. อีกอย่างน้อย 15 วัน

    โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังคงต้องไม่ประมาท ยังต้องเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ทั่วถึง ติดตามการกระจายเวชภัณฑ์ ขณะเดียวกันก็จะขยายรูปแบบ Sandbox ในส่วนกิจการ/กิจกรรมอื่น ๆ ให้มากขึ้น อาทิ ปรับกิจกรรมภายในโรงแรมเพื่อรองรับการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวและการเปิดประเทศต่อไป นับตั้งแต่การระบาดระลอกแรก ภาคแรงงานและภาคประชาชนได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด–19 มากขึ้น ภาคเอกชนได้เตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้ กระทรวงสาธารณธสุข (สธ.) ช่วยพิจารณาช่วยเหลืออุตสาหกรรมบันเทิง/ศิลปินพื้นบ้าน

    นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ดีใจที่ไทยสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 รายวันได้เกิน 1 ล้านโดส มั่นใจไทยมีศักยภาพในการฉีดวัคซีนได้บรรลุตามเป้าหมาย โดยฝากให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยดูแลการบริหารจัดการวัคซีนสำหรับเด็กเล็กด้วย รวมถึงรับทราบแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 


    สำหรับชาวต่างประเทศและแรงงานต่างด้าวโดยจะเริ่ม 1 ต.ค.นี้ พร้อมยังยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมแผนการช่วงเปลี่ยนผ่านของโควิด-19 จากการระบาดใหญ่ทั่วโลก หรือ Pandemic สู่โรคประจำถิ่น Endemic ซึ่งต้องขอให้แต่ละฝ่ายถอดบทเรียนการทำงานในแต่ละช่วงของการแพร่ระบาด เพื่อเป็นแนวทางในการรองรับสถานการณ์ในอนาคตด้วย

 

***ไฟเขียวเปิดโรงหนัง-สปา ขยายเวลาเปิดห้าง-ร้านสะดวกซื้อ

    ด้านนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.กล่าวว่า ทีประชุม ศบค.ชุดใหญ่เห็นชอบขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นคราวที่ 14 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-30 พ.ย.64 นอกจากนี้ได้ปรับมารตรการป้องกันและควบคุมโรค เน้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) โดยเห็นชอบให้เปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเด็กก่อนวัยเรียน ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ ฯ หอศิลป์ โดยให้จำกัดจำนวน เข้าชมไม่เกิน 75%ของพื้นที่

    นอกจากนี้ได้อนุญาตให้เปิดให้บริการร้านทำเล็บ,ร้านสัก,สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (นวด สปา),กีฬาในร่ม และโรงภาพยนตร์ เปิดให้บริการได้ถึง 21.00 น. ลดจำนวนเหลือ 50% นั่งที่เว้นที่ ส่วนการเล่นดนตรีในร้านอาหารให้เปิดดำเนินการได้ จำกัดจำนวนนักดนตรีไม่เกิน 5 คน นักดนตรีสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา นักร้องถอดหน้ากากได้เฉพาะเวลาร้องเพลง ห้ามสัมผัสคลุกคลีกับลูกค้า พร้อมขยายเวลาเปิดศูนย์การค้า,ห้างสรรพสินค้า,ร้านสะดวกซื้อ,ตลาดสด และตลาดนัด ได้ถึงเวลา 21.00 น. ส่วนกีฬากลางแจ้งหรือในร่มเป็นที่โล่ง กีฬากลางแจ้ง มีอากาศถ่ายเทสะดวก เปิดดำเนินการกีฬาทุกประเภทได้ถึงเวลา 21.00 น.มีผู้ชมได้ 25%

    ส่วนสถานที่ที่ยังไม่ให้เปิดดำเนินการ โดยให้ติดตามสถานการณ์ต่ออีก 2-4 สัปดาห์ ได้แก่ ศูนย์แสดงสินค้า,ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ เนื่องจากทำให้มีการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมจากหลายพื้นที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก


***ลดวันกักตัวต่างชาติเหลือ 7-10 วัน 

    ทั้งนี้ยังคงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรคงเดิม โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 37 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด ขณะที่ได้ปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยปรับลดเวลากักกัน และการทำกิจกรรมในสถานที่กักกัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ 

    โดยผู้ที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์อย่างน้อย 14 วัน ให้ลดวันกักตัวหรือเข้าพื้นที่ท่องเที่ยว อย่างน้อย 7 วัน โดยต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ส่วนผู้ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือยังฉีดวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ หากเดินทางทางอากาศ/ทางน้ำ ให้กักตัวอย่างน้อย 10 วัน ส่วนผู้เดินทางทางบก ให้กักตัว 14 วัน พร้อมผ่อนคลายกิจกรรม เช่นออกกำลังกายกลางแจ้งได้ สังซื้อสินค้าออนไลน์/อาหารจากภายนอกได้ รวมประชุมสำหรับนักธุรกิจเข้ามาระยสั้นได้


***เปิดอีก 10 จังหวัด รับต่างชาติตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้ 

    นอกจากนี้ได้อนุมัติการเปิดพื้นที่ด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม โดยระยะนำร่องตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค.64 ต่อเนื่องจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อก โดยเปิดเพิ่มอีก 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) จังหวัดพังา (เขาหลัก เกาะยาว) จังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก)

    ส่วนระยะที่ 1 เปิดเพิ่มอีก 10 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.64 ได้แก่ กรุงเทพฯ จ.กระบี่ จ.พังงา (ทั้งจังหวัด) จ.ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน หนองแก) จ.เพชรบุรี (ชะอำ) จ.ชลบุรี (พัทยา บางละมุง จอมเทียน บางเสร่) จ.ระนอง เกาะพยาม จ.เชียงใหม่ (อ. เมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า จ.เลย (เชียงคาน) และ จ.บุรีรัมย์ (เมือง)
    
    ระยะที่ 2 เปิดเพิ่มอีก 20 จังหวัด  เป็นเมืองหลักที่มีสัดส่วนรายได้นักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 15% ของรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64   ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพู แพร่ หนองคาย สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ ตรด ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา และนราธิวาส 

    และระยะที่ 3 ตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 เป็นต้นไป เปิดเพิ่มอีก 13 จังหวัด โดยเป็นพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจ จังหวัดที่มีพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน


***ASPS เปิดโผ 13 หุ้นกลุ่มเปิดเมือง คาดได้ประโยชน์ชัดเจน

    ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส (ASPS) เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่าภาพรวมจากความคาดหวังการพิจารณาผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจเพิ่มเติมทั้งการปรับลดเวลาเคอร์ฟิวและการเปิดกิจการต่างๆมากขึ้น คาดจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยพื้นตัวกลับมาได้ดีขึ้น เพราะภาคธุรกิจมีเวลาทำการยาวนานขึ้น และเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มเปิดเมืองได้บ้าง เช่น MAJOR, SPA, CPALL, CRC, CPN, BTS, BEM, CENTEL, MINT, M

    อย่างไรก็ตาม ASPS มองว่ากระแสดังกล่าวเริ่มมีมาเป็นช่วงระยะเวลาประมาณหนึ่งแล้ว ส่งผลให้ราคาหุ้นอาจตอบรับไปได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงแนะนำเลือกซื้อรายตัวหุ้นกลุ่มเปิดเมืองที่ได้ประโยชน์ค่อนข้างชัดเจน เช่น CPALL, CRC, CPN โดย CPALL และ CRC 

    ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุประชุมศบค.ชุดใหญ่วันนี้คลาย Lockdown ในเฟสที่ 2 ซึ่งผ่อนคลายกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น สปา โรงภาพยนต์ ร้านอาหารเล่นดนตรี เป็นต้น และต้องจับตาว่าจะขยายระยะเวลาเคอร์ฟิวเป็น 4 ทุ่ม - ตี 4 และขยายพรก.ฉุกเฉิน รวมถึงการเลื่อนเปิดเมืองท่องเที่ยว 5 จังหวัด (กรุงเทพฯ,ชลบุรี,เชียงใหม่,ประจวบคีรีขันธ์,เพชรบุรี) หรือไม่ โดยหุ้นที่คาดได้ประโยชน์คือ SPA,MAJOR และBEM







ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh


LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด