ข่าวนี้ที่ 1

งบแบงก์ Q3/64 ส่อแววกำไรทรุด 31% ตั้งสำรองพุ่ง-NIM ลดลง

งบแบงก์ Q3/64 ส่อแววกำไรทรุด 31% ตั้งสำรองพุ่ง-NIM ลดลง

          โบรกฯ คาดกำไรกลุ่มแบงก์ Q3/64 อยู่ที่ 34,500 ล้านบาท ลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เหตุ NIM ลดลงจากการช่วยเหลือลูกหนี้ช่วงล็อกดาวน์ มีโอกาสตั้งสำรองฯมากขึ้น แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรกลุ่มเพิ่มขึ้น 19% จากฐานที่ต่ำ มอง SCB - BBL -KBANK กำไรแจ่มสุด ขณะที่ BAY ผลงานลดลงมากสุด ส่วนน้ำหนักลงทุนยังให้"มากกว่าตลาด" เหตุราคาหุ้นตอบรับปัจจัยลบมากแล้ว  

          *** คาดกำไรกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 3.45 หมื่นลบ. 

          บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ประเมินว่า กำไรไตรมาส 3/64 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง จะอยู่ที่ระดับ 34,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 31% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า จากการตั้งสำรองที่ลดลง และสินเชื่อเติบโต สำหรับผู้นำกำไรเติบโตได้แก่ SCB และ BBL ขณะที่ BAY จะมีกำไรลดลงมากที่สุด 

          ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/64 คาดกำไรกลุ่ม จะเติบโตทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า ทำให้มองภาพรวมทั้งปีนี้ คาดว่ากำไรจะเติบโต 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 6% ในปี 65 จากการตั้งสำรองที่ลดลง การเติบโตของสินเชื่อ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นด้วย 

          โดย บล.บัวหลวง ยังคงให้น้ำหนัก การลงทุนมากกว่าตลาด และเลื่อนไปใช้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 65 โดยชอบ TISCO, BBL, KBANK และ KKP มากที่สุด

          *** บล.หยวนต้า คาดกำไรแบงก์ฟื้นตัว Q4/64 

          นายตฤณ สิทธิสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า มองว่า คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/64 จะปรับตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ต่ำลง หลัง NIM มีโอกาสชะลอตัวจากจำนวนลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ขอเข้าโครงการช่วยเหลือทางการเงินกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่เกิดการระบาดรอบใหม่ รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ที่สูงขึ้น รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมคาดปรับตัวลงเช่นเดียวกัน 

          นอกจากนี้ ยังคาดว่าการตั้งสำรองจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความเสี่ยงของลูกหนี้ที่สูงขึ้น ตามกำลังซื้อที่หดหายไปในช่วงที่ผ่านมา แต่คาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 4/64 ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักมากขึ้นหลังทยอยปลดล็อกดาวน์ และจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 มากขึ้น หนุนให้คาดกำไรสุทธิของกลุ่มปี 64 น่าจะอยู่ที่ 143,088 ล้านบาท หรือเติบโต 27.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

          *** ให้น้ำหนักการลงทุน "มากกว่าตลาด" 

          บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า แม้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 จะไม่ดีนัก แต่ราคาหุ้นหลายตัวในกลุ่มปรับลดลง ตอบรับปัจจัยลบไปมากแล้ว ทำให้มี Valuation ค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากการออกมาตรการใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่มีผลขยายเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้และการตั้งสำรองแบบผ่อนคลายจนถึงไตรมาส 1/65 และมีโอกาสผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าวไปถึงสิ้นปี 66

          รวมถึงการขยายเวลาการปรับลดวงเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เหลือ 0.23% ต่อไปจนถึงสิ้นปี 65 เพื่อลดผลกระทบของ Asset Yield ที่ปรับลงจากการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ทำให้บริษัทยังคงน้ำหนัก มากกว่าตลาด 

          โดยเลือก KBANK ราคาเป้าหมายที่ 180 บาท และ KKP ที่ 71.50 บาท ซึ่งมองว่าทั้ง 2 ตัว มีการขยายตัวของสินเชื่อโดดเด่น ขณะที่น่าจะดูแย่ คือ TTB ราคาเป้าหมาย 1.24 บาท เนื่องจากยังมีค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการ และการดำเนินการภายใต้ TTB ยังไม่มีความราบรื่นมากนัก 

          *** บล.กรุงศรี ชี้ล็อกดาวน์-ตั้งสำรองสูง ทำกำไร Q3/64 แย่ 

          บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี มองว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในไตรมาส 3/64 จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และกระทบกับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงด้วย ขณะเดียวกัน ยังทำให้การตั้งสำรองของแบงก์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ จากความเสี่ยงของ NPL ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังฟื้นตัวได้ดี แต่อาจเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อน 

          โดยแบงก์ ที่ผลประกอบการน่าจะโดยเด่น คือ SCB และ KTB ที่มองว่า จะเห็นการฟื้นตัวได้ดีกว่าตัวอื่น และ KBANK ที่ยังน่าสนใจ แม้จะมีพอร์ตเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก ซึ่งช่วงที่เศรษฐกิจชะลอแม้ว่าจะเป็นความเสี่ยงแต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้น ก็จะกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว 







ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh


LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด