SET ร่วงกระจุย 108 จุด กังวลสงครามราคาน้ำมัน พบ PTT-PTTEP-PTTGC กดดัชนีกว่า 41 จุด ทำมาร์เก็ตแคปทั้งเครือหายวับ 4.73 แสนลบ. ฟาก "ภากร" ปัด ไม่เกี่ยวบล็อกเทรด-ชอร์ตเซล โบรกฯ หวั่นหากยืดเยื้ออาจกด SET ลงลึกถึง 1,150 จุด
*** SET ดิ่ง 108.63 จุด กลุ่ม PTT ถล่มดัชนี 41.64 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายวันที่ 9 มี.ค.63 ที่ระดับ 1,255.94 จุด ลดลง 108.63 จุด หรือ -7.96 % มูลค่าการซื้อขาย 1.03 แสนล้านบาท สัดส่วนการลงทุนรายกลุ่ม นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1.27 หมื่นลบ. บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 957.57 พันลบ. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3.99 พันลบ. นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1.57 หมื่นลบ.
ด้านหุ้นที่กดดันดัชนี 3 อันดับได้แก่ PTT ปิดที่ระดับ 28 บาท ลดลง 9.50 บาท หรือ -25.33% มูลค่าการซื้อขาย 1.86 หมื่นลบ. กดดันดัชนี 25.22 จุด PTTEP ปิดที่ระดับ 74.75 บาท ลดลง 31.75 บาท หรือ -29.81 % (ฟลอร์) มูลค่าการซื้อขาย 1.22 หมื่นลบ. กดดันดัชนี 11.71 จุด และ PTTGC ปิดที่ระดับ 31 บาท ลดลง 11.25 บาท หรือ -26.63% กดดันดัชนี 4.71 จุด
บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงอย่างหนัก เป็นผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ออกมาผิดคาดอย่างมาก โดยที่ รัสเซียปฎิเสธข้อเสนอการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ ซาอุดิอาระเบียประกาศเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากปัจจุบัน 9.9 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 12 ล้านบาร์เรล/วัน พร้อมปรับลดค่า OSP Premium น้ำมันดิบทุกประเภท
การเจรจาในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ล้มเหลวดังกล่าว จะส่งผลทำให้สถาวะ Over Supply ดูรุนแรงมากยิ่งขึ้นสงผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงรุนแรง และคาดว่าจะยืนในระดับต่ำต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง กดดันธุรกิจน้ำมัน โรงกลั่น รวมไปถึงปิโตรเคมี ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดในตลาดหุ้นไทย
*** พบกลุ่ม PTT มาร์เก็ตแคปหาย 4.73 แสนลบ.
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้รวบรวมผลกระทบจากการปรับลงของหุ้นในกลุ่ม PTT ว่ากระทบให้มาร์เก็ตแคปหุ้นในเครือทั้ง 6 บริษัทลดลงกว่า 4.73 แสนลบ. ดังนี้
หุ้น |
มาเก็ตแคป (ลบ.) |
ลดลง |
|
6 มี.ค.63 |
9 มี.ค.63 |
(ลบ.) |
PTT |
107,1112 |
799,764 |
271,348 |
PTTEP |
422,803 |
296,756 |
126,047 |
PTTGC |
190,498 |
139,774 |
50,725 |
TOP |
85,171 |
66,811 |
18,360 |
IRPC |
46,999 |
40,869 |
6,130 |
GGC |
9,622 |
8,548 |
1,074 |
รวม |
|
|
473,684 |
*** "ภากร" ยันไม่เกี่ยวบล็อกเทรด-ชอร์ตเซล
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมามากกว่า 100 จุด เป็นไปตามหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงแรงมากกว่า 15% จากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงจากระดับ 50 เหรียญ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 30 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และ ตลาดหุ้นทั่วโลก
สำหรับ 3 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ แบ่งเป็น กลุ่มพลังงาน และ กลุ่มทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งมีสัดส่วนมาร์เก็ตแคปรวมกัน 30% ของมาร์เก็ตแคปรวมของตลาดหลักทรัพย์ และ กลุ่มธนาคาร มีสัดส่วนมาร์เก็ตแคป 15% ของมาร์เก็ตแคปรวมของตลาดหลักทรัพย์
“วันนี้มาร์เก็ตแคปวันนี้ได้รับผลกระทบ และ มีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากในวันเดียว ขอยืนยันว่า หุ้นที่ร่วงลงมาแรงก่อนหน้านี้ และ วันนี้ไม่เกี่ยวกับปัจจัยเครื่องมือการซื้อขาย ทั้งบล็อกเทรด โปรแกรมเทรดดิ้ง และ ชอร์ตเซล และ เชื่อว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการการหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว หรือ เซอร์กิตเบรคเกอร์ ตลอดจนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการพิเศษเพื่อกำกับการดูแลซื้อขายเพิ่มเติม”นายภากร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางตลท. ได้มีการรายงานผลกระทบต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดยทางกระทรวงการคลังจะมีการจัดทั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการ ระยะสั้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ส่วนมาตรการระยะยาวจะเป็นการปรับโครงสร้างด้านตลาดทุน โดยจะออกมาตรการให้ความช่วยเหลือบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) , บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) และ บริษัทจดทะเบียน(บจ.) เพื่อหาแนวทางดึงเงินลงทุน รวมถึงเพิ่มช่องทาง และ เปิดโอกาสให้สามารถนำเงินไปลงทุนเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้มากขึ้น ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุป และ ออกมาตรการได้ในเร็วๆนี้
*** โบรกฯ หวั่นหากสงครามราคาน้ำมันไม่จบ SET อาจดิ่งสู่ 1,150 จุด
นาวสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับสำนักข่าว "อีไฟแนนซ์ไทย" ว่า จากปัญหาเรื่องสงครามราคาน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย ประเมินกรณีสถานการณ์เลวร้ายสุด (Worst case) มองแนวรับ 1,150 จุด มีP/E 12 เท่า
โดยภาพรวมของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดในภูมิภาค เนื่องจากหุ้นในกลุ่มพลังงานมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยมาก ซึ่งมองประเด็นดังกล่าวต้องติดตามต่อว่าจะกินระยะเวลายาวนานเพียงใด
"หุ้นไทยเราลงหลุดทุกแนวรับที่เคยให้ไว้ โดยเราลงเยอะกว่าภูมิภาคหลังหุ้นกลุ่มพลังงานมีน้ำหนักมาก ความกังวลคือประเด็นนี้จะกินเวลานานมากมั้ย และต้องดูท่าทีของนัสเซียว่าจะตอบโต้กลับอย่างไร ซึ่งตอนนี้ประเด็นโควิด-19 อาจเป็นปัจจัยรองไปก่อน "นาวสาวธีรดากล่าว
แนะนักลงทุนรับความเสี่ยงได้น้อยในช่วงนี้อาจต้องถือเงินสด หรือกระจายพอร์ตลดการลงทุนในหุ้น ไปลงในสินทรัพย์ทองคำหรือพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจเป็นจังหวะเข้าซื้อเก็งกำไรในช่วงราคาถูก