efinancethai

FinTech

7 แนวโน้ม NFT 2023 ในตลาดหมี

7 แนวโน้ม NFT 2023 ในตลาดหมี

 

7 แนวโน้ม NFT 2023 ในตลาดหมี

 

จากการเติบโตอย่างสูงในปี 2021 ทำให้เกิดความคาดหวังในโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ NFT ในปี 2022 ที่กำลังจะจบลงอย่างมากมาย แต่จนถึงวันนี้ ตัวเลขดังกล่าวก็ดูเหมือนไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆของคริปโตเคอเรนซีไม่ว่าจะเป็นเรื่องการล่มสลายของเหรียญ Luna มาจนถึงอาณาจักร FTX ที่พังทลายลงภายในพริบตา ทำให้ตลาด NFT ก็ได้ซบเซาลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นปีที่แย่ของทั้งคริปโตเคอเรนซีและ NFT เรายังได้เห็นโครงการสำคัญๆหลายโครงการที่ได้นำ NFT มาใช้อย่างเป็นรูปธรรม หลายๆอุตสาหกรรมเริ่มมีการนำเทคโนโลยี NFT ไปใช้ บทความนี้จึงอยากมาเล่าถึง 7 แนวโน้มสำคัญของเทคโนโลยี NFT ที่จะเกิดขึ้นในปี 2023 ที่เชื่อว่าจะทำให้ NFT มีการแพร่หลายออกไปและทำให้ NFT ก้าวผ่านและเป็นตัวเชื่อมสำคัญที่จะนำเทคโนโลยีบล็อคเชนไปสู่คนหมู่มากได้มากขึ้นอย่างที่หลายๆคนคาดหวัง

 

NFT in 2022

 

ปีที่ผ่านมาในส่วนของตัวเลขการเทรด NFT ถือเป็นตลาดหมีอย่างแท้จริง ตัวเลขการเทรดลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากข้อมูลของ Bloomberg จำนวนเงินในการเทรดลดลงจากช่วงสูงสุดกว่า 97% จาก 17,000 ล้านเหรียญ US dollars เหลือเพียง 466 ล้านเหรียญ US dollars เท่านั้น  ถือเป็นการลดลงอย่างรุนแรงและยังไม่ได้เห็นแนวโน้มในมุมมองของราคา NFT และจำนวนเงินการเทรด

 

อย่างไรก็ตามยังมีการใช้งาน NFT มากขึ้นในมุมชององค์กรต่างๆที่เริ่มเข้าสู่โลกของ NFTมากขึ้น โดยการใช้ NFT ในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่และมีการสร้างชุมชนของตัวเองมากขึ้น ผ่านระบบ Loyalty Program หรือการนำ NFT มาใช้เหมือนกับตั๋วเข้างานต่างๆ และแน่นอนการเข้าถึง Metaverse ที่เริ่มเป็นรูปร่างมากขึ้น ยังไม่รวมถึง ศิลปะ NFT, NFT เกมส์ต่างๆ ที่เริ่มปรับตัวจากกระแสคริปโตที่ลดลงอย่างมากในปีที่ผ่านมา NFT ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักในปี 2021 จึงถือเป็นช่วงเริ่มต้นและกำลังอยู่ในสถานะของการปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่การใช้งานสู่กระแสหลักมากขึ้นเรื่อย 

 

NFT Trend 2023

 

ในปี 2023 ที่จะถึง มีหลายๆ used case ที่ได้นำ NFT ไปใช้ในหลากหลายรูปแบบที่จะเป็นแนวโน้มสำคัญที่จะต่อยอดการใช้งานออกไปในอนาคต เริ่มด้วย

 

     1.งานศิลปะ NFT (Metaverse Galleries and Auction)

 

งานศิลปะยังคงเป็นกระแสหลักสำคัญของ NFT ที่ขยายฐานผู้ซื้องานศิลปะออกสู่มหาชนมากขึ้น การซื้อขายงานศิลปะ NFT ได้เข้าสู่กระแสของศิลปินในโลกผ้าใบ และเริ่มมีการนำงานศิลปะจริงๆมาสู่โลกของ NFT มากขึ้นเรื่อยๆ งานศิลปะจะถูกคัดกรอง ศิลปินที่ประสบความสำเร็จต้องมีความแตกต่างและสามารถดึงดูดความสนใจจริงๆเท่านั้น

 

สถาบันการประมูลสำคัญของโลกไม่ว่าจะเป็น Sotherby, Christie ก็ได้นำศิลปะ NFT มาประมูลคู่กันกับศิลปะอื่นๆได้ด้วยกัน เป็นการยกระดับงานศิลปะ NFT เทียบเคียงกับงานศิลปะระดับโลก

 

อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจ คือ การนำ Metaverse มาสร้างเป็น Gallery หรือที่โชว์ผลงานทาง Online ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ชื่นชอบงานศิลปะเข้ามาชื่นชมงานได้สะดวกมากขึ้น และเกิดการประมูลงานศิลปะทาง online ที่แต่ก่อนจะขึ้นอยู่กับสถาบันการประมูลชื่อดังเท่านั้น งานศิลปะ NFT จึงเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มสำคัญที่จะกลับมาสู่โลกแห่งความจริง และจะค่อยๆพัฒนาและเติบโตอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น

 

     2.การปล่อยกู้ด้วย NFT 

 

เมื่อ NFT เริ่มมีมูลค่าและมีการยอมรับมากขึ้น จึงเริ่มมีแพล็ตฟอร์มในส่วนของ DeFi ที่สามารถนำ NFT มาเป็นของค้ำประกันเพื่อกู้เงินออกไปได้ โดยระบบที่สร้างขึ้นจะสามารถนำ NFT มา locked ที่ Smart Contract และสามารถนำเงินออกไปได้ตามข้อตกลง เมื่อผู้ใช้นำเงินมาคืนพร้อมดอกเบี้ยก็จะสามารถได้รับ NFT คืนกลับไป ซึ่งภาพนี้ไม่ต่างกับโรงรับจำนำในโลกปกติที่ผู้คนสามารถนำสิ่งของที่มีมูลค่ามาจำนำได้เช่นกัน ซึ่งระบบของ NFT Lending นี้มีทั้งแบบ Peer-to-Peer และ Peer-to-Pool ตัวอย่างของระบบประเภทนี้ ได้แก่ NFTfi, Arcade, BenDAO และ x2y2

 

อย่างไรก็ตามด้วยราคาของ NFT ที่ยังผันผวนอย่างมาก การใช้งานระบบประเภทนี้ยังคงมีความเสี่ยงที่ยังคงต้องระวัง และมีกฎระเบียบที่แตกต่างกันไปแต่ละ Platform แต่ด้วยแนวโน้มของ NFT ที่ยังพัฒนาต่อเนื่อง ระบบ NFT Lending จึงยังเป็นแนวโน้มสำคัญที่น่าติดตาม

 

     3.เกมส์ NFT 

 

ถึงแม้โลกของ Play-to-Earn ได้เดิบโตอย่างรวดเร็ว และก็เหมือนจะจบลงอย่างรวดเร็วเช่นกันในสองปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นปีทองของ เกมส์ NFT การพัฒนาเกมส์ในโลก Web 3.0 ที่มีคริปโตเคอเรนซีและ NFT เป็นส่วนประกอบสำคัญยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่แทนที่จะเน้นที่ผลตอบแทนจากการเล่น เริ่มกลับไปสู่ความสนุกสนานเป็นหลัก และได้ผลตอบแทนเป็นเรื่องรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมส์ MMORPGs (Massively Multiplayer Online Roleplaying Games) ที่กำลังเป็นที่นิยม และสามารถสร้างชุมชนคนเล่นเกมส์ขึ้นมาได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นเกมส์ที่เหมาะมากสำหรับการพัฒนาสู่ Blockchain เกมส์

 

ด้วยตัวเลขของอุตสาหกรรมเกมส์ที่ใหญ่มากๆ จากตัวเลขของ truelist.co คนกว่า 3,000 ล้านคนเล่นเกมส์ ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 6 หมื่นล้านดอลล่าห์สหรัฐ ตลาด Blockchain เกมส์ยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเกมส์กระแสหลักต่างๆเริ่มเข้าสู่โลกของ Web3 ยิ่งไปกว่านั้น Brand ระดับโลกต่างๆก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ของ Blockchain Game ในการดึงดูดคนเข้าสู่โลกของ Metaverse ในอนาคตเช่นกัน ดังนั้น เกมส์ NFT ยังคงมีอนาคตที่สดใส และพร้อมขยายตลาดเข้าสู่โลกของเกมส์มากขึ้นทุกวัน

 

     4.ตั๋ว NFT 

 

การใช้ NFT เป็นตั๋วหรือบัตรเข้างานต่างๆถือเป็นอีกหนึ่งการใช้งานที่สำคัญของ NFTs ซึ่งการใช้ NFTs แทนตั๋วหรือบัตรเข้างานนี้จะช่วยแก้ปัญหาในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขายต่อ ที่ต่อไปตั๋วผีจะไม่สามารถเกิดได้ เพราะ NFTs สามารถจัดการเรื่องการขายต่อ (Resell Market) ได้อย่างโปร่งใส สามารถแบ่งส่วนแบ่งให้กับเจ้าของงานได้อย่างเป็นธรรม ยิ่งไปกว่านั้น NFTs ยังช่วยให้การเก็บตั๋วนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัย

 

ตัวอย่างของ NFT Ticket สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ และถือเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มสำคัญที่ทำให้การใช้งานของ NFT สามารถเข้าถึง Mass Adoption ได้จริง ยกตัวอย่างเช่น

 

     - King of Leon ที่ขาย NFTs ที่ให้สิทธิในการได้ที่นั่งแถวหน้าของคอนเสิร์ตของเค้าทุกครั้ง

     - Warner Media’s DC Comic ที่ขาย NFTs เกี่ยวกับการ์ตูนที่ได้สิทธิในการเข้า DC FanDome event

     - Gary Vee’s NFT ที่ให้สิทธิ 3 ปีสำหรับตั๋วพิเศษของ VeeCon Conference

     - Andy Murray’s Wimbledon 2013 win NFT ที่ให้สิทธิพิเศษในการ 2 VIP tour สนาม Wimbledon และการที่ได้ตีเทนนิส 30 นาทีกับ Murray จริงๆ

     - Coinbase’s Governors Ball Music Festival ที่แถม NFT ฟรีให้กับผู้ซื้อตั๋ว และสามารถนำไปใช้ในการเข้า VIP lounge ได้อีกด้วย

 

นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของ NFT Ticketing ที่ในอนาคตตั๋วเข้างานจะไม่ใช่เป็นแค่ตั๋วอีกต่อไป แต่ยังคงหมายถึงสิทธิพิเศษที่ให้กับผู้ถือและเป็นของสะสมอันล้ำค่าในอนาคตอีกด้วย ล่าสุดทาง Starbuck ก็ได้เปิดตัวโครงการ NFT Starbuck Odyssey โครงการ Loyalty Program รูปแบบใหม่ ที่ผสมผสาน loyalty program และ NFT  ที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าที่สนใจ Technology ได้รับโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษทั้ง Online และ Offline ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ 

 

     5.Digital Twin NFT 

 

มีคำกล่าวที่ว่าในอนาคต ทุกๆสินค้าที่ไม่สามารถกินได้ จะมีการออก NFT ควบคู่ไปด้วย เป็นสิ่งที่เรียกว่า Digital Twins ซึ่งหมายถึง สินค้าในแบบดิจิตัลที่เป็นสำเนาของสินค้าจริงๆ ซึ่งประโยขน์ของ Digital Twin ก็คือการแสดงความเป็นเจ้าของ หรือ Certificate นั่นเอง ลองคิดง่ายๆว่าเมื่อเราซื้องานศิลปะหนึ่งชิ้น เราจะได้ Digital Twin NFT มาด้วย และเมื่อเราขายงานนั้นออกไป เราก็จะต้องส่ง NFT นั้นให้กับเจ้าของใหม่ด้วยเช่นกัน รูปแบบนี้ไม่ต่างกับ Certificate ของเพชร หรือ Certificate ของกระเป๋า Brandname ที่ใช้กันอยู่ในโลกปัจจุบัน แต่ด้วยความสามารถของ NFT จะสามารถเก็บข้อมูลการส่งต่อบนระบบบล็อคเชน ทำให้ข้อมูลเป็นจริงเสมอและไม่มีใครสามารถเข้าไปแก้ไขได้  

 

Digital Twin จึงเหมือน Digital Certificate ที่แก้ไขปัญหาของปลอมได้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อสินค้านั้นๆมีการขายต่อออกไป เป็นอีกหนึ่งแนวโน้มสำคัญที่ ฺBrand หรูทั่วโลกกำลังศึกษากันอย่างจริงจัง และจะเปลี่ยนโฉมหน้าของสินค้าปลอมที่เป็นปัญหามาตลอดในโลกแห่งความจริง ถือเป็นการต่อยอดโดยใช้ NFT มาเชื่อมโลกออนไลน์และโลกแห่งความจริงได้อย่างแนบเนียน

 

การใช้งาน NFT เหล่านี้ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งของรูปแบบการใช้งานที่เริ่มมีการใช้อย่างจริงจังในโลกปัจจุบันและล้วนแต่เป็นการใช้งานที่น่าสนใจ แก้ปัญหาได้จริง และจะเริ่มเข้ามาสู่ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยอยากขอยกยอดการใช้งานที่เหลือไปบทความเดือนถัดไปที่จะพูดถึงการใช้งาน NFT ในรูปแบบอื่นๆให้ทุกท่านได้เห็นถึงการเติบโตที่รวดเร็วของ NFT ที่จะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนโลกของเราในอนาคต


 

     6.Music NFT

 

เมื่อวงการศิลปะเริ่มปรับตัวไปกับ NFT ไปแล้วทั่วโลก วงการถัดไปที่ NFT เริ่มเข้ามามาเกี่ยวข้องกับ NFT ก็คือ วงการเพลงซึ่งในอดีตได้ถูกทำให้เปลี่ยนไปโดยเทคโนโลยี MP3 และ Streaming มาก่อน ซึ่งการใช้ NFT ในวงการเพลงปัจจุบันที่มีการศึกษาจะแตกต่างเล็กน้อยจากงานศิลปะประเภทอื่นๆ โดยนอกจากนำเพลงมาสร้างเป็น NFT และขายแล้ว ในบาง platform จะมีการนำความเป็นเจ้าของเพลงมาติดกับ NFT ด้วย 

 

โดย NFT ประเภทนี้จะเข้ามาช่วยให้ศิลปินสามารถเข้าถึงรายได้แบบใหม่และแฟนคลับของตัวเองในอีกรูปแบบที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น และมีจุดมุ่งหมายทำให้ความเป็นเจ้าของของชิ้นงานกลับคืนมาสูโลกของเสียงเพลงผ่านประสบการณ์ที่ผู้เป็นเจ้าของ NFT จะสามารถเป็นเจ้าของร่วมของเพลงนั้นๆร่วมกับแฟนคลับคนอื่นๆ แถมได้รับส่วนแบ่ง และกำไรจาก NFT เมื่องานนั้นๆโด่งดังมีคนฟังมากขึ้นได้อีกด้วย ทำให้ NFT เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของการละเมิดลิขสิทธิ์และตัวกลางที่เป็นปัญหามาตลอดของวงการเพลงได้ด้วย ซึ่ง NFT ประเภทนี้ก็เริ่มมีความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

 

จากศิลปิน Grim และ King of Leon ในช่วงเริ่มต้นมาจนถึง Lindsay Lohan และ Rolling Stone ที่ได้เริ่มขายผลงานผ่าน NFT ทำให้ตลาดของ Music NFT ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว จากเพียง US$50,000 ในเดือนกันยาปีที่แล้ว มาถึงกว่า US$25 ล้าน ในเดือน มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา จากข้อมูลของ Musicbusinessworldwide.com 

 

ล่าสุด Warner Music Group ค่ายเพลงระดับโลก ก็ได้เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มเพลง 3.0 ที่ชื่อว่า LGND Music (https://lgndmusic.com/)  โดยเป็นความร่วมมือกับทางบล็อคเชน Polygon ที่ช่วยให้แฟนเพลงสามารถฟังเพลงและซื้อ NFT หรือของสะสมทางดิจิทัลของศิลปิน ได้ในที่ๆเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งการปรับตัวก้าวใหญ่ของวงการที่จะมาสู่ Music NFT

 

Music NFT ในปัจจุบันจึงถือเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แต่เชื่อว่าจะเป็น NFT ที่จะมีการพัฒนาต่อไปและถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่จะเติบโตได้อย่างสูงในเร็ววันนี้

 

     7.AI NFT

 

นอกเหนือไปจากเทคโนโลยีบล็อคเชน เทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) หรือ กลสมองอัจฉริยะที่เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่มีการพัฒนามาตลอด ดังนั้นเมื่อสองเทคโนโลยีนี้มารวมกัน จึงเกิดเรื่องใหม่ๆที่น่าสนใจแน่นอน ซึ่งในปัจจุบันได้มีการนำ AI มาใช้กับ NFT ในหลายรูปแบบ รูปแบบแรกที่อยากแนะนำก็คือ การนำ AI มาสร้าง NFT นั่นเอง การใช้ AI มาสร้างเป็นงาน NFT เริ่มเป็นแนวโน้มสำคัญที่เริ่มมีการสร้างงานออกมาหลายรูปแบบโดยการให้ AI ไปเรียนรู้งานศิลปะเป็นจำนวนมากๆ และจึงสร้างงานออกมาเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่เป็นที่นิยมและขายออกเป็น NFT จริงๆ โดยวิธีนี้ทำให้มีโปรแกรมเมอร์หลายคน สามารถสร้างงานศิลปะออกมาขาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือพื้นฐานศิลปะใดๆ เป็นการสร้างงาน NFT รูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย

 

อีกรูปแบบที่นำ AI มาสร้างเป็น NFT แบบพิเศษที่ถูกเรียกว่า iNFTs หรือ intelligent NFTs (iNFTs) โดยเป็น NFT ที่เราสามารถคุยกับ AI ได้และยังสามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้ตลอดเวลา เป็นงาน NFT ที่สามารถเปลี่ยนไปตามสถานะการณ์ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Alethea ที่ได้สร้าง Alice NFT  ซึ่งเป็น iNFT ที่สามารถเรียนรู้ได้และพัฒนาตลอดเวลา และประสบความสำเร็จในการประมูลไปกว่า $500,000 ที่  Sotheby สถาบันการประมูลงานศิลป์ระดับโลก ซึ่ง iNFT จะถือได้ว่าเป็น NFT แห่งอนาคต ที่สามารถนำไปต่อยอดหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาให้เป็นผู้ช่วยส่วนบุคคลในบ้านเสมือนในอนาคต ถ้าเราไม่อยู่ในบ้าน ณ เวลานั้น  iNFT ก็สามารถข่วยตอบคำถามได้เช่นกัน 

 

อนาคตของ NFT

 

จากที่กล่าวมา อนาคตของ NFT จะก้าวผ่านสู่โลกแห่งความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะเน้นไปที่การเก็งกำไรเหมือนที่ผ่านมา NFT ที่มีการใช้งานจริงๆจะเพิ่มมากขึ้นและ NFT น่าจะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะมีผลกระทบและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในไม่ช้า อย่างไรก็ตามเริ่มมีการนำ NFT มาใช้ในมุมมองของการระดมทุน ซึ่งในส่วนนี้ก็สุ่มเสี่ยงต่อการมองว่า NFT เป็นหลักทรัพย์ได้ ซึ่งเข้าใจว่าทาง กลต ของไทยก็กำลังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด มาติดตามชมกันนะครับ 

 

Ref: NFT trend 2023

https://medium.datadriveninvestor.com/nfts-in-2023-how-will-their-future-be-e8ca612dd854

https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-09-28/nft-volumes-tumble-97-from-2022-highs-as-frenzy-fades-chart#:~:text=Trading%20volumes%20in%20nonfungible%20tokens,to%20data%20from%20Dune%20Analytics.

https://www.one37pm.com/nft/using-nfts-as-collateral

https://truelist.co/blog/gaming-statistics/

https://merehead.com/blog/nft-development-trends-2023/

https://digitalcontentnext.org/blog/2022/11/28/the-top-three-nft-trends-for-publishers-in-2023/

https://omisoft.net/blog/nft-development-trends-2023-in-depth-guide-upcoming-nft-change/

https://www.wane.com/business/press-releases/ein-presswire/601805555/nft-development-trends-to-expect-in-2023/

 

กราฟิก: ณัฐชนน พูนชัย (Boom) 

 







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh