efinancethai

FinTech

เทรนด์ลงทุนโลกดิจิทัลของคน Gen Y

เทรนด์ลงทุนโลกดิจิทัลของคน Gen Y

เทรนด์ลงทุนโลกดิจิทัลของคน Gen Y

ทำความรู้จัก Gen Y

     Gen Y หรือที่ทุกคนรู้จักในชื่อ Millennials คือ กลุ่มประชากรที่เกิดในช่วงปี 1981-1996 (ปัจจุบันจะมีอายุระหว่าง 26-41 ปี) เป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศ เป็นวัยทำงานที่มีรายได้และมีกำลังซื้อสูง Gen Y เกิดในยุคของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีที่รวดเร็วจึงมีลักษณะพิเศษในการใช้เทคโนโลยี ถนัดกับฟังก์ชันต่างๆ ในโลกดิจิทัลได้มากกว่ากลุ่ม Gen X และ Baby Boomers ส่งผลให้คน Gen Y ได้รับข้อมูลในเรื่องของการลงทุนรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในโลกดิจิทัลที่ดูเหมือนจะเหมาะกับคน Gen Y มากที่สุด

 

Source: Freepik

 

เทรนด์ลงทุนโลกดิจิทัลของคน Gen Y

     คริปโทฯและโทเคน

     การเข้ามาอย่างรวดเร็วของโลกการเงินดิจิทัลประกอบกับในช่วง 2-3 ปีที่คนเผชิญอยู่กับการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้กิจกรรมการทำงานในรูปแบบออฟไลน์เกิดหยุดชะงัก อาชีพบางอาชีพหายไปแต่ผู้คนกลับยังต้องการรายได้จากหลายช่องทาง การเข้ามาของสินทรัพย์ดิจิทัลจึงทำให้คนเห็นโอกาสมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่เป็นวัยทำงานอย่าง Gen Y กลายมาเป็นกลุ่มใหญ่ที่ให้ความสนใจและนิยมการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี เพราะพวกเขามีความคุ้นชินในการใช้เทคโนโลยีอยู่แล้ว การหาข้อมูลและเทรนด์ใหม่ๆ ของการลงทุนจึงเป็นเรื่องไม่ยากเลยสำหรับคนกลุ่มนี้

 

     ถึงแม้ว่าคริปโทฯจะมีความผันผวนของราคาสูง จากผลสำรวจเมื่อต้นปี 2565 ของ CNBC มีข้อสรุปที่น่าประหลาดใจว่าคนกลุ่ม Gen Y ในสหรัฐก็ไม่ได้มีแผนที่จะลดการถือครองคริปโทฯเลยแม้แต่น้อย เศรษฐีรุ่น Gen Y 48% ยังวางแผนที่จะเพิ่มการถือครองคริปโทเสียด้วยซ้ำในช่วงปีหน้า และมีประมาณ 39% วางแผนที่จะรักษาการถือครองในปัจจุบันเอาไว้ด้วย

 

Source: Freepik

 

     NFT (Non-Fungible Token)

     NFT เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอีกประเภทหนึ่งที่อยู่บนบล็อกเชนคล้ายกับ Bitcoin หรือ Ether (Ethereum) แต่จุดที่แตกต่างกันคือ Bitcoin และ Ether เป็นสินทรัพย์แบบ Fungible ที่ไม่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว จึงนิยมใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการคล้ายกับเงินสดที่คุณสามารถใช้แบงก์ร้อยใบไหนจ่ายสินค้าก็ได้โดยมูลค่าก็ยังคงเท่าเดิม ในขณะที่ NFT ถูกใช้แทนสิ่งใดก็ได้ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว เช่น รูปภาพ วีดีโอ ดนตรี อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงของสะสมต่าง ๆ เป็นต้น

 

     การลงทุนใน NFT ยังแพร่หลายไปสู่วงการเกม โดยถูกนำไปใช้เป็นไอเท็มใน GameFi ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสร้างรายได้จากการครอบครอง NFT ที่มาในรูปแบบโทเคนหรือไอเท็มในเกม นั้น ๆ ผู้เล่นก็จะสามารถเริ่มเล่นเกมและรับผลกำไรจากการทำกิจกรรม นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถสร้างรายได้แบบไม่ต้องไปลงมือทำ (Passive Income) จากฟีเจอร์ DeFi ของเกมนั้น ๆ อีกด้วย

 

     ส่วน NFT ประเภทของสะสมที่นักลงทุนนิยมซื้อขายผ่าน Marketplace ด้วยการตั้งราคาประมูลไว้และได้กำไรจากการซื้อมาในราคาที่ต่ำและขายออกไปในราคาสูง ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความหายากของ NFT นั้นจะส่งผลให้เกิดความต้องการถือครองที่มากขึ้นนั่นเอง ไม่แปลกใจว่าเหตุใด NFT ชื่อดังอย่าง Bored Ape Yacht Club หรือ EtherRock จะมีมูลค่าตลาดมหาศาล

 

Top 10 NFT Sales” Source: DappRadar

 

แนวโน้มการลงทุนของ Gen Y ในอนาคต

     จากผลการศึกษาของแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือระบุว่า กลุ่มคน Gen X และ Gen Y มีแนวโน้มของการเติบโตและสะสมเงินลงทุนที่ผ่านมาในจำนวนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ Gen Y เมื่อมาดูที่ตัวเลขอ้างอิงอย่าง Penetration Rate ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบจำนวนผู้ลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมกับประชากรกลุ่มต่าง ๆ พบสิ่งที่น่าสนใจคืออัตราการเติบโตของ Gen Y รวดเร็วมากขึ้นราว 2.5 เท่า จากปี 2556 จนถึง 2563 เนื่องด้วย Gen Y กลุ่มคนวัยทำงานที่เต็มไปด้วยศักยภาพและความพร้อมทั้งในเรื่องเงินลงทุน ความรู้ทางเรื่องการเงินการลงทุน อีกทั้งยังมีความพร้อมที่จะเปิดรับการลงทุนแบบใหม่ ๆ ในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

     แม้ว่าในปี 2565 เราจะเริ่มได้ยินจากสื่อว่าแนวโน้มของการลงทุน โดยฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงตลาดหมีที่มีจำนวนลดลง ดังเช่นจากผลสำรวจของ Bankrate ระบุว่ามีนักลงทุนชาวอเมริกันเพียง 21% เท่านั้นที่รู้สึกปลอดภัยและสบายใจที่จะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งถือว่าลดลงมากถึง 35% จากปี 2564 ที่ผ่านมา แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเนื่องจากปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อ สงคราม เศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ก็มีส่วนในการตัดสินใจที่พวกเขาจะย้ายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและผันผวนต่ำกว่านั่นเอง

 

     หากดูแนวโน้มในอนาคต เราจะเริ่มเห็นข้อมูลเกี่ยวกับ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปี 2567 ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างคาดหวังว่าจะกลับมาเป็นช่วงตลาดกระทิง เพราะการ Halving ถือเป็นนโยบายทางการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและดูแลค่าเงินให้มีเสถียรภาพ และการที่บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อได้จะเป็นสิ่งจูงใจให้บริษัทมหาชนขนาดใหญ่เปลี่ยนจากถือครองเงินสดที่กำลังประสบภาวะเงินเฟ้อมาเป็นการลงทุนบิตคอยน์แทน ซึ่งนักลงทุนทุก Gen ไม่เพียงเฉพาะ Gen Y ก็คาดการณ์ว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะกลับมาครึกครื้นและเป็นที่นิยมอีกครั้ง แต่นี่ก็ยังเป็นเพียงการคาดการณ์แนวโน้มและไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดขึ้นในรูปแบบเดียวกันกับที่เคยเกิดมาหรือไม่ นักลงทุนทุกคนควรพิจารณา ศึกษาข้อมูลรอบด้าน และลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นเรื่องที่ควรทำที่สุด ทุกการลงทุนที่มุ่งหวังผลได้กำไรสูง ๆ อย่าลืมว่ามีผลอีกด้านที่อาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนเช่นกัน

 

อ้างอิง: Infoquest, Siamblockchain, eFinanceThai

 

บทความโดย Bitkub Blog

—------------------

บทความดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อโฆษณาหรือชี้ชวนการลงทุน และจัดทำเพื่อให้ความรู้โดยบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด เท่านั้น

* คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

** สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

*** ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh