efinancethai

FinTech

DeFi 2.0 คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อโลก Cryptocurrency? 

DeFi 2.0 คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อโลก Cryptocurrency? 

DeFi 2.0 คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อโลก Cryptocurrency? 

 

หนึ่งในเทรนด์ของ Cryptocurrency ที่กำลังจะมาในปี 2565 นี้ ก็คงมองข้ามไปไม่ได้เลยสำหรับ Decentralized Finance (DeFi) หรือการเงินแบบกระจายอำนาจ ที่เป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลและประสบความสำเร็จมากที่สุดของนวัตกรรมที่ใช้บล็อกเชน โดย DeFi หมายถึงแอปพลิเคชันกระจายอำนาจในวงกว้างที่แยกความแตกต่างของบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมและปลดล็อคพื้นฐานทางเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมดและขับเคลื่อนโดยบล็อกเชนที่มีความสามารถของ Smart Contract ในตัวและเครือข่าย Oracle ที่ปลอดภัย เช่น Chainlink

 

DeFi 2.0 เป็นโครงการที่มีจุดประสงค์เพื่อต้องการปรับปรุงปัญหาของ DeFi 1.0 ที่ยังประสบปัญหาเรื่องความสามารถในการปรับขนาด ความปลอดภัย การรวมศูนย์ สภาพคล่อง และการเข้าถึงข้อมูล ซึ่ง DeFi 2.0 ต้องการปรับปรุงสิ่งเหล่านี้และทำให้การใช้งานสามารถทำได้ง่ายขึ้น ถ้าหากประสบความสำเร็จก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เป็นการขัดขวางการทำงานได้

 

ตั้งแต่ปี 2563 ก็เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ที่ DeFi ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งมีโครงการ DeFi ที่ประสบความสำเร็จต่างๆ มากมาย เช่น UniSwap การกระจายอำนาจของการซื้อขายและการเงิน และวิธีในการรับดอกเบี้ยแบบใหม่ในโลกของ Cryptocurrency

 

การพัฒนาของ DeFi ในช่วงต้น

 

Uniswap, Aave, Bancor, MakerDAO, Compound และผู้บุกเบิก DeFi รุ่นแรกๆ ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับเศรษฐกิจ DeFi ที่กำลังเติบโต โดยมี Automated Market Makers  (AMMs), Uniswap และ Bancor เป็นกลุ่มแรกที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถทำการสลับโทเคนได้โดยไม่ต้องละทิ้ง Aave และ Compound ให้การยืมแบบกระจายอำนาจ ทำให้ได้รับผลตอบแทนแบบ on-chain สำหรับการฝากเงินและการเข้าถึงเงินทุนดำเนินงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

ในส่วนของ MakerDAO ได้จัดเตรียม Stablecoin แบบกระจายศูนย์สำหรับสมาชิกในระบบนิเวศ เพื่อทำการเก็บรักษาและใช้ในการทำธุรกรรม ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการแลกเปลี่ยนที่น่าเชื่อถือได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญที่มีอยู่ทั่วไปในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ในแง่ของความโปร่งใสและการควบคุมของผู้ใช้งาน โครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนบริการด้าน DeFi เหล่านี้ก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก นวัตกรรม DeFi ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นจากการใช้งานทางเทคโนโลยีจำนวนมาก

 

ข้อจำกัดของ DeFi 1.0

 

DeFi 2.0 เป็นการปรับปรุงของโมเดล DeFi 1.0 โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่มีอยู่ และใช้ประโยชน์จากจุดแข็งเพื่อให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจบนเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน

 

ปัญหาแรกที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน DeFi คือ เนื่องจากความซับซ้อนของ UX และ UI ทำให้ยากสำหรับผู้ใช้งานใหม่ ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบการเข้ารหัส ผู้คนต้องการการรวมระบบดิจิทัล และความสามารถของ DeFi 2.0 กับ Crypto หลักจะเป็นตัวกำหนดการทำงานของ DeFi เวอร์ชั่นต่อๆ ไป

 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสามารถในการปรับขนาดที่ไม่ได้ทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้น ด้วยค่าธรรมเนียมที่สูงและใช้ระยะเวลารอที่นานขึ้นสำหรับการทำธุรกรรม ยังคงสร้างความกังวลและเป็นปัญหาแก่ผู้ใช้งาน อย่างที่ทราบกันดีว่าโซลูชัน DeFi ส่วนใหญ่สร้างขึ้นบน Ethereum Blockchain และเนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมากในเครือข่าย จึงมีความล่าช้าอย่างมากและต้นทุนในการทำธุรกรรมก็พุ่งสูงขึ้นไปด้วย

 

ปัญหาของ DeFi 1.0 มีอะไรบ้าง

 

1. ความสามารถในการปรับขนาด Scalability : โปรโตคอล DeFi บนบล็อกเชนที่มีค่าธรรมเนียมการรับส่งข้อมูลและค่าแก๊สสูง มักจะให้บริการที่ช้าและมีราคาแพง ซึ่งจะใช้เวลานานเกินไปและไม่คุ้มทุน

 

2. Oracles and Third-party Information : ผลิตภัณฑ์ทางการเงินขึ้นอยู่กับรายละเอียดภายนอกต้องการ Oracles ที่มีคุณภาพสูงกว่า (แหล่งข้อมูลบุคคลที่สาม)

 

3. การรวมศูนย์ Centralization : การกระจายอำนาจที่เพิ่มขึ้นควรเป็นเป้าหมายใน DeFi อย่างไรก็ตาม ในหลายๆ โครงการยังไม่มีหลักการ DAO

 

4. ความปลอดภัย Security : ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่มีการจัดการหรือไม่เข้าใจความเสี่ยงที่มีอยู่ใน DeFi ที่แม้ว่าจะมีการตรวจสอบความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะมีค่าลดน้อยลงเมื่อมีการอัปเดต

 

5. สภาพคล่อง Liquidity : ตลาดและกลุ่มสภาพคล่องกระจายไปตามบล็อกเชนและแพลตฟอร์มต่างๆ โดยแยกสภาพคล่องออกจากกัน การให้สภาพคล่องยังเป็นการล็อคกองทุนและมูลค่ารวม ในกรณีที่ส่วนใหญ่โทเคนที่เดิมพันในกลุ่มสภาพคล่องไม่สามารถใช้ที่อื่นได้ ทำให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพของเงินทุน

 

DeFi 2.0 คืออะไร? 

 

DeFi 2.0 เป็นการอัปเกรดและแก้ไขปัญหาที่พบใน DeFi 1.0 ซึ่ง DeFi เป็นการปฏิวัติการให้บริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์ให้กับทุกคนที่มีกระเป๋าเงินดิจิทัล แต่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ ที่มีตัวอย่างจาก Crypto ให้ได้เห็นแล้ว เช่น Ethereum (ETH) ที่ปรับปรุงบน Bitcoin DeFi 2.0 เพื่อให้ตอบสนองต่อกฎระเบียบใหม่ที่รัฐบาลวางแผนจะนำมาใช้ เช่น Know Your Customer (KYC) และ Anti-Money Laundering (AML)

 

หรือว่าจะเป็น Liquidity Pool (LPs) ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างมากใน DeFiเนื่องจากช่วยให้ผู้ให้บริการสภาพคล่องได้รับค่าธรรมเนียมสำหรับการ Stake โทเคนคู่ ถ้าหากอัตราส่วนราคาของโทเคนเปลี่ยนแปลงไป ผู้ให้บริการสภาพคล่องก็เสี่ยงที่จะสูญเสียเงิน (ขาดทุนถาวร) ได้ โปรโตคอล DeFi 2.0 สามารถประกันได้ โดยมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ด้วยสิ่งนี้จึงสามารถสร้างแรงจูงใจที่มากขึ้นในการลงทุนใน Liquidity Pool และให้ประโยชน์แก่ผู้ใช้งาน

 

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง DeFi 1.0 กับ DeFi 2.0

 

 

DeFi 1.0

 

DeFi  2.0

 

การเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งาน

 

ไม่มีการเชื่อมต่อกันระหว่างผู้ใช้งาน มีการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งระหว่างผู้ใช้งาน

 

ระบบนิเวศ

 

หมายรวมถึงแอปพลิเคชันการซื้อขายส่วนกลางแบบกระจายศูนย์, DEXs, แอปพลิเคชันการให้ยืมและ stablecoin, แอปพลิเคชัน liquidity machine gun pool, สินทรัพย์สังเคราะห์ และโครงการประเภทประกัน DAO, แรงจูงใจด้านสภาพคล่องเพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางการเงินแบบกระจายอำนาจที่ยั่งยืน เชื่อมโยงถึงกันและประสิทธิภาพของเงินทุน

 

แผนจูงใจ

 

แผนของโครงการไม่น่าดึงดูดใจสำหรับผู้ใช้งานมากนัก

ผู้ใช้ได้รับ Reward 100%; โครงการจูงใจที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งาน

 

รูปแบบการกับดูแล

 

ชุมชนมีความไม่เป็นระเบียบและมีรูปแบบการกำกับดูแลที่ไม่เหมาะสม

การกำกับดูแลและนโยบายมอบหมายให้แก่สมาชิก

 

ขอบเขตของนวัตกรรม

 

มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในลักษณะทางเดียว มีขอบเขตที่ไม่จำกัด สำหรับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการเงิน

 

เพราะเหตุใด DeFi 2.0 จึงมีความสำคัญ

 

เพราะ DeFi 2.0 สามารถทำให้การเงินเป็นประชาธิปไตยได้ โดยไม่กระทบต่อความเสี่ยง อีกทั้งยังพยายามที่จะแก้ปัญหา ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน หากแก้ปัญหาสิ่งเหล่านี้ได้และให้สิ่งจูงใจที่ดีกว่า ทุกคนก็สามารถชนะได้

 

ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า DeFi 2.0 เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของ DeFi ที่สำคัญคือความคิดริเริ่มต่างๆ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นการเคลื่อนไหวไปสู่ DeFi 2.0 ที่นักพัฒนาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบโปรโตคอลที่จะเพิ่มผลกำไรสูงสุด, ประสิทธิภาพเงินทุน, การกระจายอำนาจ และอื่นๆ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าได้ผ่านขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของวิวัฒนาการไปแล้ว เราต้องมาติดตามกันต่อไปว่าจะได้เห็นการวิวัฒนาการอย่างไรในอนาคตข้างหน้า เพื่อที่จะได้เข้าใจ นำมาวิเคราะห์ คาดเดาทิศทาง และประยุกต์ใช้กับการลงทุนต่อไป

 

ที่มา :

-         DeFi 2.0: A beginner's guide to the second generation of DeFi protocols

-         What Is DeFi 2.0 and Why Does it Matter?

-         DeFi 2.0 – A New Narrative? OlympusDAO, Tokemak Explained

-         Best 10 Defi & Defi 2.0 Tokens and Projects in 2022

 

กราฟฟิค: ณัฐชนน พูนชัย (Boom) 







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh