"NFT ใช้ให้เป็นเห็นบิ๊ก Value"
จากกระแส NFT (Non Fungible Token) หรือ เหรียญที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีเพียงชิ้นเดียวในโลก และไม่สามารถแบ่งย่อยได้ ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการแสดงความเป็นเจ้าของของ ผ่านของสะสมทางดิจิทัล รวมไปถึงงานศิลปะที่ถูกนำมาซื้อขายทางดิจิทัลผ่าน NFT ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีที่ผ่านมา NFT จึงเป็นโอกาสของเหล่าครีเอเตอร์ผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะทั้งหลายเปิดกว้างขึ้นอย่างมากมาย
จากข้อมูลของเว็บไซต์ https://nonfungible.com/ ที่ตามติดข้อมูลของ NFT มาตลอดว่า ทั้งยอดขายและจำนวนของผู้ใช้งาน NFT ยังเพิ่มขึ้น 30 เท่า!!! ในช่วงปีที่ผ่านมา
จริงๆ แล้วเทคโนโลยี NFT เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2012 จากไอเดียของ Vitalik Buterin’s Colored Coins project แต่กว่าจะเกิดขึ้นจริงก็ตอน 2017 กับโปรเจกต์ cryptopunk และเกมส์คริปโตคิตตี้อันโด่งดังที่สามารถทำให้นักเล่นช่วงนั้นทำเงินไปได้มากมาย และเมื่อปี 2020-2021 ที่ผ่านมาถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของ NFT กับโปรเจกต์ที่ประสบความสำเร็จมากมาย เช่น NBA Topshot ที่นำ Moment สำคัญของนักบาสเกตบอล NBA มาเป็นของสะสม หรืออย่างล่าสุดกับ ฺBored Ape Yacht Club (BAYC) ที่กลายมาเป็นชุมชนลิงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
ถึงการเติบโตขนาดนี้ หลายคนยังเชื่อว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ NFT ที่จะเริ่มเข้ามาแทนที่สิ่งของทุกๆ อย่างจากโลกแห่งความจริงไปสู่โลกออนไลน์ เพราะจริงๆ แล้วในปัจจุบัน NFT ได้ถูกนำไปใช้หลายรูปแบบ วันนี้เลยจะขอมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ Used case อื่นๆ หรือการนำ NFT ไปใช้มาให้ฟังกันครับ
#NFT Gaming
การประสบความสำเร็จของ CrptoKitties ในปี 2017 ถึงขนาดทำให้เกิดปัญหาช้าการใช้งาน Ethereum network มาถึงในวันนี้ที่มีเกมส์ที่ใช้ NFT ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเกมส์ใหม่ หรือการนำ NFT ไปใช้ในเกมส์ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งคริปโทเคอร์เรนซีและ NFT ได้เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบของการสร้างเกมส์ไนปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ In-Game items ที่ NFT เข้ามาเป็นส่วนสำคัญด้วยคุณสมบัติของ NFT ที่มีจำนวนชัดเจน ส่งต่อกันได้ และแสดงความเป็นเจ้าของ ทำให้ In-game items เปรียบเสมือนการลงทุนที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินจริงๆ ได้ และมากกว่าแค่ความสนุกในการเล่นเกมส์อีกต่อไป
และคุณสมบัติเหล่านี้เองที่ถือกำเนิดรูปแบบเกมส์ Play-to-Earn ขึ้นหรือเป็นการเล่นเกมส์ที่สามารถได้รับเงินจริงๆ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าวงการเกมส์อีกครั้ง เพราะเอาจริงๆ ใครบ้างที่จะไม่ชอบถ้าเล่นเกมส์แล้วได้เงินด้วย ปีที่ผ่านมาเกมส์อย่าง Axies Infinity จึงประสบความสำเร็จอย่างสูง ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะลดความนิยมลงไปบ้าง แต่ก็ถือเป็นแนวทางและต้นแบบที่ได้มีหลายคนต่อยอดออกไปอีกมากมาย
#Avatars และ Profile Picture (PFP) NFT
Avatar และที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า PFP NFT หรือรูปที่แทนตัวตนของเราในโลกออนไลน์ เป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ของ NFT เริ่มด้วย โครงการ CryptoPunks ที่ถือเป็นโครงการแรกๆ ของ NFT ในโลกนี้ โดย 10,000 Cryptopunk NFTs ถูกสร้างขั้นมาโดยใช้โปรแกรมและแจกฟรีให้กับคนที่สนใจที่มีกระเป๋า Ethereum Wallet ในปี 2017
ปัจจุบัน Cryptopunks ยังถือเป็น Collection อันดับ 1 ในตลาดซื้อขาย NFTs ที่มียอด Volumes กว่า 842,000 eth หรือประมาณ 800 ล้านบาท และราคาตัวที่ถูกที่สุดมีราคามากว่า 10 ล้านบาท และในวันนี้ก็แทบไม่ได้มีคนตั้งขายแล้ว (ข้อมูลจากตลาด Opensea.io วันที่ 18 ก.พ. 2565) คนดังที่ถือ Cryptopunk ได้แก่ นักร้องดัง Jay-Z และ Snoop Dogg ลูกชายของ Devid Beckham’s Odell Beckham Jr.’s หรือแม้แต่ VISA ที่ได้ประกาศซื้อ Crptopunk ในการปูทางสู่ตลาด NFT ในปีที่แล้ว
“PFP NFT จึงเป็นมากกว่ารูปทั่วไป และได้กลายมาเป็นการแสดงตัวตนของผู้คนบนโลกออนไลน์อย่างจริงจังที่แสดงถึงฐานะทางการเงินและสังคม”
ประกอบกับการเข้าถึงชุมชนพิเศษที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาให้กับผู้ถือ NFT นั้นๆ เป็นสมาชิก เป็นเหมือนคลับที่ให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือ NFT นั้นๆ เท่านั้น กลายเป็นข้อเสนอสุด Exclusive ที่ทำให้หลายคนอยากเข้ามาเป็นเจ้าของ NFTs ไม่ว่าจะเป็นการเข้าห้อง Discord พิเศษ ร้านค้าสำหรับผู้ถือ NFTs หรือแม้กระทั่งการนัดพบกันในสถานที่จริงกับสมาชิก
และที่สำคัญบางโครงการได้ให้สิทธิในการใช้รูป PFP ที่ตัวซื้อมาไปใช้ได้ด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นการให้ชุมชนมาช่วยกันโปรโมท NFT ที่เรียกว่า Community Driven Brand อย่างแท้จริง ที่เจ้าของ NFT ทุกคนมีความภูมิใจและร่วมช่วยกันโปรโมท เพื่อให้โครงการเป็นที่นิยม และแน่นอนราคาสูงขึ้น เป็นการตลาดรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและทรงพลังอย่างมาก และ Bored Ape Yacht Clubs (BAYC) ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการของ PFP NFTs ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เหล่าคนดังต่างจับจองเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็น Justin BieBer, Eminem, Steve Aoki แห่ง Linkin Park, Shaqulle Oneal นักบาส NBA ชื่อดัง หรือแม้แต่ Neymar นักฟุตบอลระดับโลก
จากการประสบความสำเร็จเหล่านี้ทำให้ PFP Collections เป็นโครงการที่มีการซื้อขายและมีมูลค่าสูงที่สุดติดอันดับต้นๆ ในโลก และในปัจจุบันก็มีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Twiter ได้ประกาศว่าสมาชิกของ Twitter สามารถนำ NFT ที่เป็นเจ้าของมาโชว์ที่ Profile Pictures ได้ โดยจะมีระบบตรวจสอบความเป็นเจ้าของและโชว์สัญลักษณ์ว่าเป็นเจ้าของจริงๆ มาด้วย ซึ่งถือเป็นการยืนยันจาก Social Media อันดับต้นๆ ของโลก ถึง Concept ของ PFP จะเป็นอีกหนึ่งการยืนยันตัวตนในโลกอนาคต หรือ Digital Identity อย่างแท้จริง
#NFT Ticketing
การใช้ NFT เป็นตั๋วหรือบัตรเข้างานต่างๆ ถือเป็นอีกหนึ่งการใช้งานที่สำคัญของ NFTs ซึ่งการใช้ NFTs แทนตั๋วหรือบัตรเข้างานนี้จะช่วยแก้ปัญหาในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขายต่อ ที่ต่อไปตั๋วผีจะไม่สามารถเกิดได้ เพราะ NFTs สามารถจัดการเรื่องการขายต่อ (Resell Market) ได้อย่างโปร่งใส สามารถแบ่งส่วนแบ่งให้กับเจ้าของงานได้อย่างเป็นธรรม ยิ่งไปกว่านั้น NFTs ยังช่วยให้การเก็บตั๋วนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัย
ตัวอย่างของ NFT Ticket สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ และถือเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มสำคัญที่ทำให้การใช้งานของ NFT สามารถเข้าถึง Mass Adoption ได้จริง ยกตัวอย่างเช่น
King of Leon ที่ขาย NFTs ที่ให้สิทธิในการได้ที่นั่งแถวหน้าของคอนเสิร์ตของเค้าทุกครั้ง Warner Media’s DC Comic ที่ขาย NFTs เกี่ยวกับการ์ตูนที่ได้สิทธิในการเข้า DC FanDome event Gary Vee’s NFT ที่ให้สิทธิ 3 ปีสำหรับตั๋วพิเศษของ VeeCon Conference Andy Murray’s Wimbledon 2013 win NFT ที่ให้สิทธิพิเศษในการ 2 VIP tour สนาม Wimbledon และการที่ได้ตีเทนนิส 30 นาทีกับ Murray จริงๆ Coinbase’s Governors Ball Music Festival ที่แถม NFT ฟรีให้กับผู้ซื้อตั๋ว และสามารถนำไปใช้ในการเข้า VIP lounge ได้อีกด้วย
นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของ NFT Ticketing ที่ในอนาคตตั๋วเข้างานจะไม่ใช่เป็นแค่ตั๋วอีกต่อไป แต่ยังคงหมายถึงสิทธิพิเศษที่ให้กับผู้ถือและเป็นของสะสมอันล้ำค่าในอนาคตอีกด้วย
#Digital Twin NFT
มีคำกล่าวที่ว่าในอนาคต ทุกๆ สินค้าที่ไม่สามารถกินได้ จะมีการออก NFT ควบคู่ไปด้วย เป็นสิ่งที่เรียกว่า Digital Twins ซึ่งหมายถึง สินค้าในแบบดิจิตัลที่เป็นสำเนาของสินค้าจริงๆ ซึ่งประโยขน์ของ Digital Twin ก็คือการแสดงความเป็นเจ้าของ หรือ Certificate นั่นเอง ลองคิดง่ายๆ ว่าเมื่อเราซื้องานศิลปะหนึ่งชิ้น เราจะได้ Digital Twin NFT มาด้วย และเมื่อเราขายงานนั้นออกไป เราก็จะต้องส่ง NFT นั้นให้กับเจ้าของใหม่ด้วยเช่นกัน รูปแบบนี้ไม่ต่างกับ Certificate ของเพชร หรือ Certificate ของกระเป๋า Brandname ที่ใช้กันอยู่ในโลกปัจจุบัน แต่ด้วยความสามารถของ NFT จะสามารถเก็บข้อมูลการส่งต่อบนระบบบล็อกเชน ทำให้ข้อมูลเป็นจริงเสมอและไม่มีใครสามารถเข้าไปแก้ไขได้
Digital Twin จึงเหมือน Digital Certificate ที่แก้ไขปัญหาของปลอมได้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อสินค้านั้นๆ มีการขายต่อออกไป เป็นอีกหนึ่งแนวโน้มสำคัญที่ ฺBrand หรูทั่วโลกกำลังศึกษากันอย่างจริงจัง และจะเปลี่ยนโฉมหน้าของสินค้าปลอมที่เป็นปัญหามาตลอดในโลกแห่งความจริง ถือเป็นการต่อยอดโดยใช้ NFT มาเชื่อมโลกออนไลน์และโลกแห่งความจริงได้อย่างแนบเนียน
การใช้งาน NFT เหล่านี้ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งของรูปแบบการใช้งานที่เริ่มมีการใช้อย่างจริงจังในโลกปัจจุบันและล้วนแต่เป็นการใช้งานที่น่าสนใจ แก้ปัญหาได้จริง และจะเริ่มเข้ามาสู่ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยอยากขอยกยอดการใช้งานที่เหลือไปบทความเดือนถัดไปที่จะพูดถึงการใช้งาน NFT ในรูปแบบอื่นๆ ให้ทุกท่านได้เห็นถึงการเติบโตที่รวดเร็วของ NFT ที่จะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนโลกของเราในอนาคต
มาติดตามชมกันคร้บ
Reference:
The Utility NFT Classification Guide
11 exciting NFT trends shaping the future of non-fungible tokens
Bored Ape Yacht Club (BAYC) กำลังเจรจาเรื่องการระดมทุนจากนักลงทุน เช่น Andreessen Horowitz
10 NFT trends that could change the world in 2022
Utility NFTs Take on The Market
The Utility NFT Classification Guide
กราฟิก: ณัฐวุฒิ บุญศิริมงคลชัย (เบนซ์)