ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง และ กรรมการบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น
จับตา Cardano Hard Fork
ช่วงนี้หนึ่งในประเด็นฮ็อตที่สุดของวงการสินทรัพย์ดิจิทัลและวงการบล็อกเชนนั้น คงจะไม่พ้นการพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่ชื่อว่า Alonzo Upgrade หรือ Alonzo Hard Fork ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นบน Cardano ที่เป็นหนึ่งในบล็อกเชนที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม
ล่าสุดเราได้เห็น Ethereum London Hard Fork ไปแล้วซึ่งเรียกว่าเป็นส่วนประกอบสุดท้ายของ Ethereum ในตอนนี้ให้มีประสิทธิภาพสุงสุดก่อนจะเปลี่ยนไปเป็น Ethereum 2.0 ในอนาคต
ทำไมถึงต้องมีการทำ Hard Fork และเมื่อ Hard Fork ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าจะพูดถึงการ Hard Fork ในแบบที่เข้าใจได้ง่าย ก็คือการอัปเกรดตัวบล็อกเชนทั้งระบบให้เป็นระบบใหม่ทั้งหมด
สำหรับ Alonzo Hard Fork เป็นหนึ่งใน การ Upgrade ที่สำคัญที่สุดของ Cardano ก็ว่าได้ ซึ่งย้อนกลับไปที่ Roadmap ที่ผ่านมาของ Cardano ที่แบ่งเป็น 5 ระยะ หรือ 5 ยุค ตามแนวทางของ Cardano ได้แก่ ยุค Byron เป็นช่วงเริ่มต้นในการ สร้างสินทรัพย์ ADA, Wallet และอื่น ๆ ตามมาที่ยุค Shelley ซึ่งเป็นการทำให้ตัว เครือข่ายของ Cardano แข็งเกร่งขึ้น มีการทำ Staking มีการปรับปรุงให้มีความ Decentralized สูงขึ้น และในยุคปัจจุบัน ได้แก่ ยุค Goguen ที่จะโฟกัสในเรื่องการใช้งาน Smart Contract บน Cardano ซึ่งยุคที่จะตามมาก็คือ Basho และ Voltaire
ในยุค Goguen จะเน้นการใช้งาน Smart Contract ที่เขียนด้วยภาษา Coding ที่เรียกว่า Plutus บน Plutus Platform ซึ่งทาง Cardano พัฒนาต่อยอดมาจากภาษา Coding ที่ชื่อ Haskell อีกที โดยที่ Alonzo Hard Fork จะทำให้การรองรับ Smart Contract แบบ Plutus นั้นเสร็จสมบูรณ์
ก่อนหน้านี้ Cardano ได้เริ่มโฟกัสเรื่องการใช้ Smart Contract ในยุค Goguen ด้วยภาษา Marlowe บนแพลตฟอร์ม Marlowe Playground แต่ว่า Marlowe จะเน้นในเรื่องการเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับด้านการเงินเป็นหลัก ทำให้ค่อนข้างมีขีดจำกัดการใช้งาน จะไม่เหมือน Plutus ที่ใช้ได้หลากหลาย
อธิบายแบบเข้าใจง่าย ก็คือ ผู้ใช้จะสามารถขึ้นไปเขียน Smart Contract เขียน Decentralized Apps, DeFi หรืออื่น ๆ ที่มากกว่าด้าน Finance บน Cardano ได้ หลังจากที่ Alonzo Hard Fork ทำการอัปเกรดเสร็จสมบูรณ์ Alonzo Hard Fork ก็เป็นเหมือนส่วนประกอบสุดท้ายในการเริ่มต้นยุค Goguen อย่างแท้จริงของ Cardano ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้
การ Hard Fork ของ cardano จะส่งผลกับอุตสาหกรรมคริปโทอย่างไร
ในการเข้าสู่ยุค Goguen เต็มตัว แน่นอนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ โอกาสใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรม เพราะว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการใช้งาน Smart Contract อีกมากมายบนบล็อกเชนอื่น ๆ นอกจาก Ethereum, Solana หรือ Binance Smart Chain เราจะมีทางเลือกมากขึ้น และการแข่งขันที่สูงขึ้นก็จะทำให้ แต่ละ Chain จะต้องพัฒนาตัวเองมาทำให้ Chain ดีขึ้นเพื่อแข่งขันกัน เป็นประโยชน์กับทุกคนทั้งผู้สร้างและผู้ใช้งาน
ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นเหรียญโทเคนต่างๆ ที่อยู่บนบล็อกเชนของ Cardano มากยิ่งขึ้น รวมไปถึง platform DeFi, NFT หรือ การบริการด้านการเงินต่าง ๆ ที่จะผลักดัน Ecosystem ของ Cardano ให้เติบโตตาม Binance Smart Chain และ Ethereum ได้ในอนาคต
สำหรับอีกแง่มุมหนึ่งที่เรากำลังจับตามองคือ Cardano ไม่ได้เป็นเพียงทีมผู้พัฒนาบล็อกเชนเท่านั้น แต่เป็น กลุ่มองค์กรที่มี 3 ส่วน ได้แก่ตัว Cardano Foundation ที่ทำหน้าที่พัฒนา Cardano Blockchain IOHK ที่หน้าที่เป็นเหมือนห้องแล็บในการวิจัยเพื่อพัฒนา Cardano Blockchain และวิศวกรรมบล็อกเชน อื่น ๆ และ EMURGO ที่เป็นองค์กรในการให้บริการ Blockchain Solutions บริการแบบ B2B และเป็นเหมือนภาคส่วนธุรกิจของ Cardano เองด้วย
ซึ่งยกตัวอย่างทั้งจาก EMURGO และ Cardano Foundation เองนั้น ในปี 2020 เราได้เห็น การทำ Business Partnership การเป็น Provider ด้านบล็อกเชน แก่หลายหน่วยงาน หลายองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ตรงนี้อาจจะเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นที่สำคัญของวงการ ในมุมมองที่ Cardano อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่ง บล็อกเชนสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจหรือองค์กรต่าง ๆ สามารถเข้ามาในอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้นเพราะจะไม่ใช่แค่ บล็อกเชน ที่โฟกัสเฉพาะภาคธุรกิจ แต่รวมไปถึงภาคผู้ใช้งานทั่วไปด้วย
นักเทรดจะต้องจับตาระวังอะไรเป็นพิเศษกับการ Hard Fork ครั้งนี้
ในมุมมองของนักเทรด ทางเราเองอาจไม่สามารถให้คำแนะนำในการลงทุนได้ แต่ก็แนะนำให้สังเกตว่าราคาของตัวสินทรัพย์เองก็ได้สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนไปแล้ว ถ้าเรามองย้อนกลับไปที่ ADA ก็ถือว่ามีการเติบโตมหาศาลมีการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของเหรียญทั้งหมด ซึ่ง ADA เองก็เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุดบน Satang Pro เช่นกันและถ้ามันจะเป็น Ethereum Killer จริง ๆ จากตรงนี้พื้นที่เติบโตก็ยังมีอีกมาก ในส่วนของระยะสั้นนั้น แน่นอนว่าต้องมีการทำกำไรบ้างตามกลไกและแนวรับแนวต้านของตลาด
อย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ อะไรที่มัน All time high มันก็มีแนวโน้มว่าอาจจะ All time high แค่ในระยะหนึ่ง ดังนั้นเราไม่สนับสนุนการทำ Short selling สวนเทรนด์ และที่ผมมักจะย้ำทุกครั้งก็คือนักเทรดจะต้องบริหารจัดการเงินให้เป็น ไม่ลงทุนมากเกินกว่าความเสี่ยงที่ตัวเองจะรับได้ จะต้องระมัดระวังเรื่องการถูกล่อลวงไปลงทุนแบบแชร์ลูกโซ่ นักลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทผู้ให้บริการเว็บเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากก.ล.ต.ได้ที่ https://เสี่ยงสูง.com/ ซึ่ง Satang Pro เป็นหนึ่งในเว็บเทรดฯ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.และเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐาน ISO 27001 และ ISO 27701 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลสำหรับระบบการจัดการความปลอดภัยของข้อมูลทั้งในรูปแบบดิจิทัลและเป็นเอกสาร ซึ่งจะช่วยป้องกันข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กราฟิก: ณัฐชนน พูนชัย (Boom)