ผ่านเดือนพฤษภาคมมาได้เพียงไม่กี่วัน จะเห็นได้ว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลร้อนแรงอย่างมาก และมีเหรียญคริปโทเคอเรนซี่ หลายตัวราคาปรับเพิ่มขึ้นรวดเร็ว ส่งผลให้ Market cap รวมของตลาดปรับตัวสูงขึ้นมาถึง 2.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นที่เรียบร้อย โดยปัจจุบันทั้งตลาดมีสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ 9,576 ตัว ตามข้อมูลของเว็บไซต์ coinmarketcap.com ณ วันที่ 5 พค. 2564
จากตัวเลขมูลค่ารวมของตลาดที่ขยับขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัวนั้น หากเจาะลึกลงไปจะพบว่าเหรียญพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin ราคากลับไม่ได้ขยับขึ้นมา 1 เท่าตามตลาด แต่เม็ดเงินส่วนใหญ่กลับกระจายลงไปอยู่ในเหรียญต่างๆ (Alt Coin) ที่มีอันดับถัดลงไป โดยเฉพาะเหรียญที่อยู่ใน 20 อันดับแรกที่เรียงตามมูลค่าตลาด (ตามรูป)

ที่มา Coinmarketcap.com
ผลจากความร้อนแรงของเหรียญ Alt Coinทำให้ความนิยมใน Bitcoin ลดลง
รายงานสรุปภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์จากสำนักงาน ก.ล.ต. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุตัวเลขมูลค่าการซื้อขายและเหรียญที่ถูกซื้อขายมากที่สุดในประเทศไทย จากนักลงทุนที่เปิดบัญชีซื้อขายกับศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ดิจิตอลที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานก.ล.ต. กว่า 7 แสนบัญชี รายงานว่า นักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในเหรียญอื่น (Alt Coin)นอกจาก Bitcoin สูงขึ้นอย่างมาก โดยมีเหรียญที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรก คือ DOGE , Bitcoin, XRP, Binance และ Ethereum ตามลำดับ โดยในเดือนเมษายน 2564 นักลงทุนมีการซื้อขาย Bitcoin ลดลงกว่า 33% เลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันเหรียญอื่น (Alt Coin) กลับได้รับความสนใจในการลงทุนจากนักลงทุนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหรียญ Doge Coin สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 100% ในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น วันนี้เราจะมาเจาะลึก เหรียญ Doge Coin ที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นให้ได้ทราบกัน

DOGE coin เหรียญสร้างมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน
DOGE หรือเหรียญคริปโทเคอเรนซี่ ที่มีสัญลักษณ์รูปหน้าสุนัขสายพันธุ์ชิบะอินุ สุดน่ารักพุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับ 4 ตามมูลค่าตลาดอย่างรวดเร็ว หากเราย้อนกลับไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา DOGE Coin มีราคาอยู่ที่ราวๆ 0.15 บาท เท่านั้น ในขณะที่วันที่ 5 พค. 2564 ราคาของเหรียญพุ่งทะยานมาอยู่ที่ 22.2 บาท หรือเรียกได้ว่าปรับตัวขึ้นมากว่า 148 เท่า หรือ 14,800% เลยทีเดียว คิดง่ายๆ ว่าถ้าเราซื้อไว้ 100 บาท ก็จะกลายเป็นเงิน 14,800 บาท ไปเรียบร้อย รายงานล่าสุดจาก BitInfoCharts กล่าวว่าเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา มี wallet ที่เก็บ DOGE Coin ราวๆ 2,866 กระเป๋าที่มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์จึงไม่น่าแปลกที่จะมีมหาเศรษฐีเกิดขึ้นจากการถือครอง DOGE coin เพิ่มขึ้นแล้วมากกว่า 2,000 คน
เหรียญ DOGE coin ถูกสร้างขึ้นในปี 2013 โดยโปรแกรมเมอร์ 2 คนนามว่า Billy Markus และ Jackson Palmer สองหนุ่มจาก Oregon และ Sydney โดยการ Fork เหรียญออกมาจาก Litecoin และมาดัดแปลงเป็นเหรียญใหม่ ที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับ Bitcoin อย่างสิ้นเชิง (เพื่อความขบขัน) โดยกำหนดให้คุณลักษณะของเหรียญเป็นดังนี้
- มีจำนวนเหรียญที่จะถูกขุดเพิ่มออกมาอย่างไม่จำกัด
- ในวันแรกที่สร้าง DOGE coin ขึ้นมา ได้มีเหรียญถูกเสกเข้ามาเพื่อใช้งานทันทีกว่า 50,000 ล้าน Doge!!!!
- ระยะเวลาในการสร้าง Block เท่ากับ 1 นาที (ในขณะที่ Bitcoin อยู่ราว 10 นาที)
- ใน 1 Block จะมีเหรียญถูกขุดออกมา 10,000 เหรียญ หรือเรียกได้ว่าใน 1 ปี จะมีเหรียญ DOGE เหรียญใหม่ถูกขุดเพิ่มเข้ามากว่า 5,256 ล้าน DOGE ต่อปีเลยทีเดียว (ปัจจุบัน Bitcoin ถูกขุดขึ้นมาได้ 6.25 เหรียญใน 1 Block เท่านั้น และจะลดลงทุกๆ 4 ปี)
เหรียญ DOGE coin ที่มีคุณลักษณะพื้นฐานที่ตรงข้ามกับ Bitcoin อย่างสุดโต่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในเวลาไม่นาน เนื่องจากมีท่าไม้ตายคือความน่ารักของเหรียญนี้ ซึ่งทำให้ Network effect ของเหรียญเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
2 จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ DOGE coin
ครั้งที่ 1 # เกิดขึ้นในปี 2015 Billy Markus หนึ่งในผู้สร้างเหรียญได้ขายเหรียญที่ตนเองถือครองอยู่ทั้งหมดในราคาที่ไม่ต่างจากในตอนช่วงปี 2013 ที่เหรียญถูกสร้างขึ้นมาคิดเป็นมูลค่าเท่ากับรถยนต์เพียง 1 คันเท่านั้น ทำให้เหรียญไม่ได้มีเจ้าของที่ถือจำนวนมากอยู่เพียงคนเดียวอีกต่อไป
ครั้งที่ 2 # DOGE Coin กลายมาเป็นเหรียญสุดโปรดของ Elon Musk ผู้ก่อตั้งบริษัท Tesla และเขาได้ใช้บัญชี Twitter ส่วนตัว Tweet ถึงเหรียญนี้บ่อยครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ราคาของเหรียญพุ่งสูงขึ้นกว่า 10% ในทุกๆ ครั้งที่เขาได้เขา Tweet
การขึ้นอย่างรุนแรงของเหรียญ DOGE coin ในสัปดาห์นี้เกิดขึ้นเนื่องจาก วันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา Elon Musk ได้ออกมา Tweet ประกาศว่าเขาจะไปออกรายการ Saturday Night Live และจะพูดถึง Doge Father ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ โดยภายหลังจากที่เขา Tweet ประกาศออกไปนั้นราคาของ DOGE Coin ก็ดีดขึ้นอย่างรุนแรงในทันทีและยังคงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรอคอยวันที่ 8 พฤษภาคมที่จะมาถึงนี้อย่างลุ้นระทึก
เราในฐานะนักลงทุน กำลังเฝ้าคอยวันที่ 8 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้อย่างใจจดใจจ่อ อยากรู้จริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในรายการ Saturday Night Live ในค่ำคืนนั้น อย่างไรก็ตาม ขอให้นักลงทุนพึงระมัดระวังการลงทุนไว้เสมอ และท่องประโยคประจำใจไว้ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”
กราฟิก : ณัฐชนน พูนชัย-Boom