ตลท. กับแผนปั้น Jump+...ความหวังใหม่ตลาดทุนไทย
เมื่อวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) ที่ผ่านมา "อัสสเดช คงสิริ" กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (68-70) ภายใต้แนวคิด “เพื่อส่วนรวมและความเท่าเทียม” (Fair & Inclusive Growth) โดยเน้นสร้างความแข็งแกร่ง เข้าถึงได้ง่าย และสร้างประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ด้วยการผลักดัน 3 โครงการ Flagship หรือเรือธงสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนตลาดทุนในอนาคต คือ
1. Jump+
2. Bond Connect Platform
3. Carbon Market Platform
เรือธงทั้ง 3 ด้านหลักๆ ก็คือสนับสนุนการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ผ่านโครงการ Jump+ ที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน โดยเน้นบริษัทที่มีศักยภาพและมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าของบริษัท โดย บจ.สามารถเข้าร่วมตามความสมัครใจ ในตลาดฯ ก็พร้อมสนับสนุนให้เกิดพัฒนาการ นอกจากนั้นก็มีเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนบุคคลและประชาชนทั่วไปเข้าถึงการลงทุนพันธบัตรรัฐ ได้ง่ายขึ้นและขยายธุรกิจของผู้ร่วมตลาดด้วยการพัฒนา Bond Connect Platform และพัฒนาระบบนิเวศคาร์บอนผ่านตลาดคาร์บอนเครดิต ด้วย Carbon Market Platform
ดูแล้วก็ถือเป็นการวางกลยุทธ์ ในการพัฒนาตลาดทุนที่ค่อนข้างชัดเจนในระดับหนึ่ง แม้อาจจะยังดูเป็นนามธรรม เพราะจะต้องรอในแง่ของการปฏิบัติว่าจะทำให้เป็นรูปธรรมได้มากน้อยแค่ไหน ในการพัฒนาคุณภาพ บจ. ให้เติบโต ใน 3 ปีจากนี้ ซึ่งเชื่อว่ามี บจ. หลายบริษัทมีศักยภาพเพียงพอ
ในขณะที่ ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมินว่าแผนดังกล่าวเป็นแผนระยะยาวที่ดี ที่คาดว่าจะช่วยหนุนหุ้นพื้นฐานดีที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง ให้ได้รับความสนใจและมีมูลค่าเพิ่ม ส่วน Bond Connect กับCarbon Ecosystem ช่วยเพิ่มขนาดตลาด และผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายขึ้น ผนวกกับการหนุนให้เกิดการ Cross Selling ที่ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น
โดย ASPS ได้ค้นหาหุ้นเด่น 21 ตัว รับกลยุทธ์ 3 ปีของตลาดฯ ที่อยู่ในกลุ่มพื้นฐานดี PBV ถูก ราคาหุ้นในปีนี้ย่อตัวลงมาลึก และหุ้นเด่นรับธีม Carbon Ecosystem ประกอบด้วย IRPC-PTTGC-BANPU-TOP-BBL-BCPG-SCC-AP-KKP- QH-BJC-PTT- HANA-SJWD - STA-THCOM-GUNKUL-TPCH-WHAUP-GPSC-DITTO
เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดี ทันกระแส และไม่ตกยุค กับการวางแผนพัฒนาตลาดทุน โดยเฉพาะโปรเจ็ค Jump+ ที่หากสำเร็จก็จะช่วยยกระดับตลาดทุนไทยได้อีก และน่าจะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของผู้จัดการตลาดฯ คนใหม่อีกด้วย