สภาไม่เดือดอย่างที่คาด ..ยังไงก็รอด
เชื่อว่าผลโหวตการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันเสาร์ที่ 23 ก.ค. นี้ คงไม่น่าจะตื่นเต้นอะไรมากมายนัก หลังจากช่วง 4 วัน (19-22 ก.ค.) มานี้ ฝ่ายค้านกับ "ยุทธการเด็ดหัวสอยนั่งร้าน" ไม่ได้ทำให้ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี 10 คน ระคายเคืองซักเท่าไหร่
แม้จะพยายามนำข้อมูลต่างๆ มาโจมตี และกล่าวหาแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนสภาจะไม่เดือดเท่าที่ควร จะว่าไปแล้ว ก็ไม่ได้ผิดคาดมากมายนัก เพราะก่อนหน้ามีการประเมินไว้ว่า การเปิดอภิปราย 11 รัฐมนตรีของฝ่ายค้านนั้นดูมากเกินไป แทนที่จะโฟกัสไปที่ นายกฯ และรัฐมนตรีเพียงบางคนก็พอ เพราะหากฝ่ายค้านร่วมแรง ร่วมใจ กันถล่มผลงานของรัฐบาล โดยพุ่งเป้าไปที่ผู้นำรัฐบาล เป็นหลัก ก็อาจจะทำให้ ครม. สั่นสะเทือนได้มากกว่านี้
แม้ในท้ายที่สุด ผลโหวตรัฐบาลจะได้ไปต่อ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เกิดความคลางแคลงใจ กับความชอบธรรมในการบริหารได้มากขึ้นกว่ากระจายไปโจมตีถึง 10 รัฐมนตรี
ดังนั้นจึงเป็นที่มาว่าทำไมสภาถึงไม่เดือดอย่างที่คาด เพราะความผิดพลาดอาจยังไม่มากพอ จนมัดตัวให้รัฐบาลดิ้นไม่หลุด ถึงกับยอมยุบสภา และเชื่อว่าระยะเวลาอีก 250 วันหรือ 3 เดือนจากนี้ รัฐบาลลุงตู่ จึงน่าจะอยู่ครบเทอม อย่างไม่ต้องสงสัย และก็คาดว่า หลังจากจบศึกอภิปรายฯ เราคงเห็นการเตรียมพร้อมเลือกตั้งสมัยหน้า วิ่งกันฝุ่นตลบอีกแน่ๆ
การเมืองไทย เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ไม่ยาก จบศึกใหญ่ แล้วยังได้ไปต่อ ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าจะถูกหรือผิด หรือไม่ว่าข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านจะจริงแค่ไหน หรือรัฐบาลบริหารงานได้ล้มเหลว ย่ำแย่เพียงใด แต่หากยังคุมเสียงโหวตข้างมากไว้ได้ ยังไงก็รอด แม้ว่าคราวนี้อาจจะมีหวาดเสียวบ้าง หลังจากกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แสดงจุดยืนแน่นอน ว่าไม่โหวตให้ท่านนายกฯ
แต่ก็อย่าลืมว่า รัฐบาลและส.ส. ชุดนี้ คงไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า และยอมให้มีการยุบสภาทั้งที่เหลือเวลาอีกกว่า 3 เดือนเท่านั้น ยังไงก็ขออยู่ให้ครบเทอม แล้วค่อยมาปรับกระบวนทัพเพื่อเลือกตั้งกันใหม่
ส่วนประชาชนคนไทยตาดำๆ ก็รอเวลาวันเลือกตั้งใหญ่อีกครั้ง และเลือกรัฐบาลใหม่ของตัวเองกันต่อไป แต่ก็อย่าลืมแล้วกันว่า เลือกใครแล้วไม่ได้ดั่งใจ ครั้งใหม่ควรเลือกแบบไหน เพื่อประเทศชาติ และตัวเอง