efinancethai

บทบรรณาธิการ

โดย
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

: กองบรรณาธิการ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

[email protected]

นายกฯสั่งลุย ดึงเชื่อมั่น-ดันวอลุ่ม ฟื้นหุ้นไทย

นายกฯสั่งลุย ดึงเชื่อมั่น-ดันวอลุ่ม ฟื้นหุ้นไทย

 
ตลาดหลักทรัพย์ ต้องออกไปโรดโชว์เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ และอาจต้องขยายเวลาในการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น เป็นอีกหนึ่งภารกิจของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการจะดึงเม็ดเงินลงทุนมายังตลาดหุ้นไทยให้มากขึ้น รวมไปถึงฟื้นความมั่นใจของนักลงทุนกลับมา หลังจากช่วงนี้หุ้นบ้านเราถูกปัจจัยลบรุมเร้าเหลือเกิน ทั้งเงินไหลออก ทั้งค่าบาบาทอ่อนค่า หลังจากอัตราดอกเบี้ย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรโลกพุ่งสูงต่อเนื่อง 


                         
เรียกว่าเป็นการแสดงจุดยืนของนายกฯ คนปัจจบัน ที่ให้ความสำคัญในทุกด้าน โดยเฉพาะการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ที่ซบเซาหลังการระบาดของโควิด 19 และตลาดทุนก็เป็นอีกส่วนสำคัญ ไม่แพ้ด้านอื่นๆ ซึ่งนายกฯ บอกว่าตลาดหลักทรัพย์ฯไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางให้ต่างชาติเข้ามาในไทย เพราะฉะนั้นตลาดฯ จึงต้องส่งสัญญาณออกไปว่าเป็นแหล่งระดมทุนของไทยดีที่สุดของภูมิภาคนี้


                          
นอกจากนี้ มีแนวทางให้ตลาดฯ ไปศึกษาการขยายระยะเวลาในการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าการซื้อขาย ซึ่งแม้จะมีความคิดเห็นจากคนในวงการทั้งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ดี เพราะอย่างน้อยผู้นำประเทศ ก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุน ที่ดูจริงจังมากขึ้น 


                          
ซึ่งหลังจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องไปเปิดรับฟังความคิดเห็นว่าควรจะทำหรือไม่ทำอย่างไรบ้าง โดยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ก็พร้อมรับลูกนายกฯ ทันที เพียงแต่ต้องไปศึกษาประโยชน์ที่จะได้จากการขยายเวลาดังกล่าวก่อน 


                         
เพราะอย่าลืมการขยายเวลาเทรดนั้นต้องพิจารณาว่า ควรจะขยายช่วงไหน เพราะประโยชน์แต่ละช่วงไม่เหมือนกัน เนื่องจากแต่ละช่วงจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน และขึ้นกับช่วงที่จะขยายเวลาตรงกับตลาดเอเซีย ยุโรป หรือสหรัฐฯ ด้วย  เป็นการบ้านที่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์จะต้องรีบทำ เช่นเดียวกับการไปโรดโชว์ ว่าควรจะต้องไปประเทศไหน ช่วงไหนด้วยเช่นกัน 

 

ภาวะตลาดตอนนี้ ไม่คอยท่า จะทำอะไรก็รีบทำ เพราะปีนี้น่าจะเป็นปีที่ SET Index บ้านเราเผชิญกับความท้าทายไม่น้อยเลย เพราะปัจจัยลบมีเข้ามาไม่เว้นแต่และวัน และหลังจากหลุด 1,500 จุดมาแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะเสี่ยงหลุด 1,400 จุดหรือไม่ เพราะหากยิ่งหลุดไปลึกๆ ก็ยิ่งทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นไปเรื่อยๆ จึงเป็นหน้าที่ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่น และดึงทุนไหลออกกลับเข้ามา แม้อาจจะไม่ง่าย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร แล้วปล่อยไปตามยถากรรม







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh