efinancethai

บทบรรณาธิการ

โดย
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

: กองบรรณาธิการ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

[email protected]

Window Dressing มาตามนัด??

Window Dressing มาตามนัด??

 

 "Window Dressing" ที่เรารู้จักกันมาตลอดก็คือ การผลักดันราคาหุ้นของนักลงทุนสถาบันในกองทุนที่บริหารอยู่ เพราะหากราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นก็จะส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นตาม และทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุน (NAV) ออกมาเรียกว่าการปรับปรุงตัวเลขทางบัญชีให้ดูดีขึ้น ซึ่งมักจะทำก่อนวันสิ้นงวดของแต่ละไตรมาสนั้นเอง โดยยเฉพาะงวดสิ้นปี ธ.ค. ที่เป็นงวด
ปีเพื่อปิดบัญชีนั้น 


                         
และเช่นเดียวกับทุกๆ ปี ปีนี้ก็เช่นกัน ที่ความคาดหวังว่า การ "Window Dressing" ของบรรดากองทุนจะช่วยผลักดันราคาหุ้น และ SET Index ช่วงปลายปีนี้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง หลังจากที่ปีนี้ต้องยอมรับเลยว่าตลาดหุ้นบ้านเราทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เรียกว่าแทบจะอยู่ท้ายสุดเลยด้วยซ้ำ


                          
โดยล่าสุด ตัวเลขจาก ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า ปี 256 ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน -17% ต่ำเกือบที่สุดในโลก อยู่อันดับ 68 จากทั้งหมด 69 ตลาดหุ้นหลัก และมี 14 ตลาดหุ้นเท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนติดลบในปีนี้


                          
เพราะฉะนั้นความหวังอะไรก็ได้ ที่จะทำให้ตลาดหุ้นดีขึ้น ก็คือสิ่งที่นักลงทุนคาดหวัง และ Window Dressing ก็ดูจะเป็นความหวังสุดท้ายสำหรับปีนี้ เนื่องจากทุกครั้งที่มีการทำ "Window Dressing" ราคาหุ้นหลายบริษัท โดยเฉพาะหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ซึ่งสถาบันเข้าไปลงทุน จะปรับตัวสูงขึ้นพร้อมๆ กัน และนั้นย่อมทำให้  SET Index ปรับตัวสูงขึ้นโดยไม่ต้องสงสัย 

                           


บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า  ก็ดูจะช่วยยืนยันได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 วัน ก็จะหมดปีนี้แล้วก็ตาม โดยหยวนต้า ประเมินว่า เดือน ธ.ค.นี้ มีโอการสูงที่นักลงทุนสถาบันจะทำ "Window Dressing" จาก 4 เหตุผล คือ 

 

1.ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนปีนี้ติดลบเกือบ 17%   

 

2.นักลงทุนสถาบันมักซื้อสุทธิเดือน ธ.ค. นับได้ 15 จาก 20 ปีหลัง เฉลี่ยราว 8.1 พันล้านบาท และตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเป็นบวก 14 จาก 20 ปีหลัง ด้วยผลตอบแทน 2.25%


                            
3.กองทุน TESG ที่เริ่มขายไปแล้วเมื่อกลางเดือน ธ.ค.นี้ ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มเติม

 

4.มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยที่เบาบางลงผิดปกติ ทำให้การทำ "Window Dressing" ได้ง่ายขึ้น 


                           
ขณะที่เอเซียพลัส ก็คาดว่า ช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ น่าจะมีแรงซื้อจากเม็ดเงินลงทุนของกลุ่มสถาบันฯและนักลงทุนต่างชาติ และมีโอกาสที่จะทำให้ SET Index ฟื้นตัวในแดนบวกได้ต่อเนื่อง โดยมีกรอบเป้าหมายของดัชนีฯช่วงสิ้นปีที่ระดับ 1,420-1,450 จุด ซึ่ง ASPS บอกว่า ฟันด์โฟลว์มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง เหมือนกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะวันที่ 21 –30 ธ.ค.ของทุกปี 


                            
เช่นปี 64 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2.3 หมื่นล้านบาท  หนุนดัชนีเพิ่มขึ้นประมาณ 2.6% และปี 65 ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยราว 2.1 หมื่นล้านบาท หนุน SET เพิ่มขึ้น 4.0% เพราะฉะนั้นปีนี้ 

 

 ดังนั้นดูจากข้อมูลและสถิติที่เอามาฝากกัน ก็หวังว่าช่วงที่เหลืออีกไม่กี่วันนี้ Window Dressing จะมาตามนัด







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh