มาแรงจริงๆ สำหรับหุ้น DELTA เพราะไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ก็ส่งผลกระทบต่อตลาดหนักหน่วงแทบทุกครั้ง แถมยังเป็นหุ้นที่สร้างสถิติแบบที่ไม่เคยมีหุ้นใดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ทำได้มาก่อน เพราะเคยเป็นหุ้นที่มีราคาแพงที่สุดถึง 1,154 บาท/หุ้น เรียกว่าชนทุกแนวต้าน แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่หลังจากนั้นก็เริ่มหมดแรงลงเรื่อยๆ จนมาปิดที่ระดับ 748 บาท ลดลงถึง 148 บาท หรือ 16.52% ฉุดมาร์เก็ตแคปตลาดวูบ 1.85 แสนล้านบาท เหลือ 9.33 แสนล้านบาท และยังฉุด SET Index ลดลง 12.72 จุด เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น
หุ้น DELTA มักจะมาพร้อมความคาดหวัง หวังว่าจะไปต่อเรื่อยๆ อีกทั้งยังเป็นหุ้นขวัญใจนักลงทุนรายย่อยพอสมควรเลยทีเดียว หลายคนมีกำรี้กำไรจากหุ้นตัวนี้ แต่อีกหลายคนก็บาดเจ็บกับหุ้นตัวนี้เหมือนกัน
ถ้าจำกันได้ดี DELTA ใช้เวลาแค่ 3 ปี (จากราคาปิดปี 62 ที่ 53 บาท) พุ่งไปสูงสุด 2,077% (คิดจากราคาไฮต้นปีนี้ที่ 1,154 บาท) จนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องปรับเกณฑ์ลดจำนวนขั้นต่ำหุ้นตัวนี้เหลือ 50 หุ้น จากเดิม 100 หุ้น เรียกว่าเป็นหุ้นมหัศจรรย์ หุ้นหนึ่งในตลาดหุ้น
ดังนั้นประกาศเทรดพาร์ใหม่รอบนี้ ก็จะทำให้หุ้นกลับไปซื้อขั้นต่ำที่ 100 หุ้นเหมือนเดิมอีกครั้ง และถ้าเดาไม่ผิดนักลงทุนรายย่อยที่ใจถึงพอก็จะกระโจนเข้าใส่กันอีกครั้ง เห็นได้จากราคาเปิด หลังเทรดพาร์ใหม่วันแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 28 เม.ย. แม้ราคาเปิดจะลดลง แต่หลังจากนั้นไม่นาน ราคาก็พลิกกลับมาเป็นบวกได้ทันที โดยมีมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นตลอดทั้งวัน ซึ่งด้วยสภาพคล่องแบบนี้ทำให้น่าลุ้นเหลือเกินว่า ราคาหุ้นอาจจะทะลุ 100 บาทได้ในไม่ช้า
อย่างไรก็ดี แม้แรงเก็งกำไรจะคึกคักแค่ไหน แต่หากมองในแง่ของพื้นฐานแล้วคงต้องหยุดคิด พิจารณากันมากหน่อย เพราะราคาหุ้นที่ลงแรงเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ พร้อมใจกันประเมินว่าเป็นเพราะกำไรไตรมาส 1/66 ต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้ และราคาหุ้นก็แพงเกินพื้นฐานไปมาก ซึ่งผลประกอบการ DELTA ไตรมาส 1/66 มีกำไร 3,614 ล้านบาท เติบโต 30% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้สำรวจความเห็นจาก 7 โบรกเกอร์ ต่างแนะนำ "ขาย" ทั้งหมด โดยราคาเหมาะสมแบบยังไม่ปรับพาร์เพียง 508 - 750 บาท เท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น การลงทุนใน DELTA จึงยังคงมีความเสี่ยง และต้องระมัดระวังก่อนการลงทุน เพราะต่อให้มหัศจรรย์แค่ไหน แต่ก็ใช่จะขาขึ้นได้ตลอดเวลา
