efinancethai

บทบรรณาธิการ

โดย
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

: กองบรรณาธิการ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

[email protected]

ฟื้นเศรษฐกิจ-ฟื้นเชื่อมั่น ... โจทย์ใหญ่ ครม.เศรษฐา 1

ฟื้นเศรษฐกิจ-ฟื้นเชื่อมั่น ... โจทย์ใหญ่ ครม.เศรษฐา 1

 

กว่า 3 เดือนหลังจากเลือกตั้งเสร็จเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน" เข้ามาเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ ซึ่งล่าสุดนายกฯ คนใหม่ ได้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อย และแถลงพร้อมทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ 


                         
ในขณะที่ประกาศว่า 4 ปีต่อจากนี้ จะเป็น 4 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเชื่อว่าคนไทยทุกคน ก็รอที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงจากการบริหารของรัฐบาล " เศรษฐา 1"  หลังจากประเทศไทยอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลประยุทธ์มานานถึง 9 ปี

 
                          
แน่นอนว่าก้าวแรกของการเข้ามาบริหารประเทศของรัฐบาล ภายใต้การกุมบังเหียนของนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น น่าจะเป็นภาระหนักอึ้ง ตั้งแต่ยังไม่ได้บริหารอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ โดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจประเทศยังเปราะบาง และมีความเสี่ยงรอบด้านทั้งจากปัจจัยภายนอก และภายใน 


                           
ซึ่งล่าสุด ทั้งสภาพัฒน์ และศูนย์วิจัยกสิกรไทย ต่างก็พร้อมใจกันหั่นเป้าจีดีพี ส่วน ธปท. ก็เตรียมจะทบทวนเป้าใหมในเดือนหน้า เพราะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงจากการส่งออกที่ชะลอลง รวมไปถึงการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศ และเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนยังมีข้อจำกัดของการฟื้นตัว จนกระทบต่อการส่งออกของหลายประเทศในเอเชียรวมถึงไทย 


                          
ดังนั้นการฟื้นเศรษฐกิจ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลชุดนี้ จะต้องเดินหน้า โดยเฉพาะการเข็นนโยบายที่หาเสียงไว้ของพรรคเพื่อไทยเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ซึ่ง 1 ในนโยบายหลัก คงหนีไม่พ้นดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ที่คาดว่าน่าเริ่มแจกจริงในช่วงต้นปี 2567 นอกจากนี้ เรื่องของความเชื่อมั่นก็เป็นเรื่องสำคัญของรัฐบาลเศรษฐา 1 ที่จำเป็นต้องทำให้นักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติมีความไว้วางใจ เพื่อดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น   


                          
ฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นเชื่อมั่น กระตุ้นการลงทุน การบริโภค และการใช้จ่ายที่ลดน้อยถอยลงไปมาก ตั้งแต่เกิดโควิด19 จึงเป็นโจทย์ใหญ่ ที่นายกฯใหม่ และ ครม. จะต้องทำ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น 


   
คำพูด ย่อมไม่สำคัญไปกว่าการกระทำ และแน่นอน ถ้าพูดแล้วทำ ทำแล้วเห็นผล ... ก็รับรองว่า 4 ปีต่อจากนี้ ก็จะเป็น 4 แห่งการเปลี่ยนแปลง อย่างที่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ บอกเอาไว้







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh