efinancethai

บทบรรณาธิการ

โดย
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

: กองบรรณาธิการ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

[email protected]

ถ้า 3 ไม่ผ่าน - รัฐบาลยังตั้งไม่ได้ .... SET Index ดิ่ง

ถ้า 3 ไม่ผ่าน - รัฐบาลยังตั้งไม่ได้  .... SET Index ดิ่ง

        
หลังจบจากการลุ้นเลือกประธานสภา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งปรากฎว่าราบรื่นดี และไม่มีปัญหาอย่างที่กังวลกันไปก่อนหน้านี้ แต่สัปดาห์ไฮไลท์ ที่น่ากังวล น่าจะเป็นสัปดาห์ที่กำลังจะถึงนี้มากกว่า เพราะวันพฤหัสบดีที่ 13 ก.ค. ที่จะถึงนี้ จะเป็นวันก็โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งของจริงจะอยู่ตรงนี้ว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย จะชื่อ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หรือไม่

 
                         
โดยล่าสุด นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2  ระบุชัดเจนแล้วว่า การโหวตเลือกนายกฯ ในเบื้องต้นกำหนดไว้ 3 วัน คือวันที่ 13 ก.ค.66 นี้ ซึ่งหากการโหวตยังไม่ได้ จะให้เลือกรอบ 2 วันที่ 19 ก.ค. และ รอบ 3 วันที่ 20 ก.ค. 66 ซึ่งน่าจะเพียงพอแล้ว แต่หากยังไม่ได้อีก ก็ต้องมีการหารือกันใหม่


                         
เรียกว่าอาจจะไม่เคยมีประเทศไหนในโลกนี้ ที่มีการโหวตนายกฯ มากครั้งเหมือนบ้านเรามาก่อนก็ได้  แถมยังค่อนข้างจะชัดเจนจากกูรูหลายๆ สำนัก ที่มองว่า การโหวตครั้งแรกวันที่ 13 นี้ นายพิธา ไม่น่าจะผ่านไปได้ เพราะติดตรงคะแนนโหวตจาก ส.ว. ที่ไม่โหวตให้ และแน่นอนว่า หากยังไม่สามารถเรียกคะแนนจากฟากฝั่งนี้ได้ การโหวตครั้งที่ 2 และ 3 ก็เป็นเรื่องยากลำบากที่จะผ่านไปได้ 


                         
"เหตุการณ์ 3  ไม่ผ่าน"  จึงมีความเป็นไปได้สูงมาก และหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทย ก็คงต้องมาลุ้นกันต่อไป การเมืองจะเปลี่ยนข้างหรือไม่ โดยแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย จะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน โดยที่ก้าวไกลก็ยังคงจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาลไปด้วยกัน ตามสูตรความน่าจะเป็น เพราะไม่ยังงั้นรัฐบาลไม่มีทางจัดตั้งได้สำเร็จ 


                       
ส่วนรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้น มองมุมไหนก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะต่อให้จัดตั้งได้จริง ความวุ่นวายในการบริหาร โดยเฉพาะเรื่องการโหวตกฎหมายต่างๆ จะไม่สามารถทำได้เลย  หากเทียบกับกรณีที่ก้าวไกลจะเปลี่ยนฝั่งเป็นฝ่ายค้านไปเลยนั้น ยังดูเป็นไปได้มากกว่าด้วยซ้ำ 


                       

แต่ที่แน่ๆ การที่การเมืองยังอยู่ในช่วงลุ้นระทึกว่าจะได้นายกฯ หรือไม่ จะตั้งรัฐบาลกันเมื่อไหร่  ไม่ได้เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศเลย เกือบ 2 เดือนเข้าไปแล้ว ที่ SET Index ยังคงผันผวน และแกว่งตัวในช่วงขาลง เพราะนอกจากการเมือง ก็ยังมีประเด็นความน่าเชื่อถือ จากกรณีหุ้น STARK  รวมถึงความกังวลอีกรอบกับประเด็นเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย


                        

ซึ่งในประเด็นการเมืองนั้น ฝ่ายวิจัย เอเซีย พลัส ได้ประเมินความเป็นไปได้ และ ผลกระทบต่อ  SET Index เป็น 3 แนวทาง บนความเชื่อว่า นักลงทุนต้องการเห็นการโหวตเลือกนายกที่ไม่ยืดเยื้อ และ ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ประกอบด้วย 

 

1. กรณี สว. โหวตสนับสนุน คุณพิธา เป็นนายกฯ โดยได้เสียงสนับสนุนเกิน 376 เสียงขึ้นไป จาก 750 เสียง(ตั้งแต่การโหวตครั้งแรก) คาดกรอบ SET 1550-1600 จุด


                        

2. กรณี สว. ไม่โหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ แต่นายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนจาก 8 พรรค ที่ลงนามใน MOU จัดตั้งรัฐบาล โดยอาจจะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคร่วมขึ้นมาแทน คาดกรอบ SET 1480-1550 จุด


                        

3. กรณี สว. ไม่โหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ และเกิดการเปลี่ยนขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลขึ้น คาดทำให้ SET Index เปิด Downside Risk อีกครั้ง โดยต้องทบทวนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่อีกที ว่าจะมีพรรคใดร่วมกันบ้าง


                  

3 แนวทางที่ว่า เชื่อว่าส่วนใหญ่ น่าจะอยากให้จบตั้งแต่แนวทางแรก หรืออย่างน้อยก็แนวทางที่ 2 เพราะตลาดฯ คงจะไปได้ต่อ เพราะหากมองอีกมุม ถ้าพรรคเพื่อไทยมาจริง นโยบายก็น่าจะเป็นประโยชน์ และเป็นมิตรกับตลาดมากกว่าก้าวไกล แต่หากกรณี 3 โหวตไม่ผ่าน มีการเปลี่ยนขั้วพรรคร่วม ผลักก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน อันนี้ก็ตัวใคร ตัวมัน นี่ยังไม่รวมเรื่องที่หลายฝ่ายไม่อยากให้เกิดก็คือ เกมลงถนน แล้วการเมืองไทยก็จะเข้าสู่ลูปเดิมๆ อีกครั้งหรือไม่ ??? 

 

ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนั้น 
 







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh