รัฐบาลใหม่ยังไม่มา ... ตลาดหุ้นก็ยังติดหล่ม
1 เดือนหลังการเลือกตั้งผ่านไป SET Index ไทยยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน หรือทะลุ ระดับ 1,570 จุดไปได้เลย แถมหลังเลือกตั้งยังลงไปอยู่ที่ 1,512 จุด มีลุ้นหลุด 1,500 จุดด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าตลาดหุ้นในช่วงนี้ผันผวน และ Side Way ค่อนไปทางขาลงซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าปัจจัยหลักๆ เกิดจากอะไร
ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศที่กระบวนการดำเนินการภายหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วค่อนข้างช้า โดยเฉพาะการรับรอง ส.ส. ที่กินเวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านไปแล้ว 1 เดือน ขณะที่ประเด็นหลักประเด็นใหญ่ ที่มากกว่าการรับรอง ส.ส. คือเรื่องการตรวจสอบ การฟ้องร้อง เรื่องคุณสมบัติ การถือหุ้นสื่อ ของหัวหน้าพรรคที่ได้เสียงข้างมาก หรือว่าที่นายกรัฐมนตรี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ดูแล้วไม่น่าจะจบง่ายๆ ก็อาจส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ออกไป หรือแม้แต่การย้ายขั้วพรรคร่วม เพราะความล่าช้าที่อาจจะกลายเป็นการเปิดช่อง ให้ดำเนินการอะไรต่างๆ นาๆ โดยที่ไม่คาดคิดได้
เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลย ที่เราจะเห็นตลาดหุ้นช่วงสุญญากาศทางการเมืองเป็นแบบนี้ เพราะนักลงทุนไม่แน่ใจ และยังไม่เชื่อมั่นเต็ม100 ที่จะลงทุนในตอนนี้ โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมียอดขายสุทธิ ซึ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจน ว่าตราบใดที่การเมืองยังไม่ชัดเจน การดำเนินนโยบายของประเทศ ยังอยู่ภายใต้รัฐบาลรักษาการ นักลงทุนกลุ่มนี้ก็จะยังไม่กล้าเข้ามาลงทุนเต็มเม็ดเต็มหน่วย SET Index เลยติดหล่ม ไปไหนได้ไม่ไกล
ซึ่งล่าสุด บทวิเคราะห์ SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็แสดงความเป็นห่วงเรื่องความล่าช้าในการตั้งรัฐบาล โดยระบุในกรณีเลวร้าย (worse case scenario) ว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จนกระทบต่อการจัดทำและเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 และมีความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายยืดเยื้อ SET index อาจมีความเสี่ยงปรับลดลงประมาณ -8% จากระดับปัจจุบันที่แถวๆ 1,550 หรือประมาณ 124 จุด มาอยู่ที่ 1,426 จุด
แต่หากวิเคราะห์จากเหตุการณ์ปกติที่ควรจะเป็น ( base case scenario ) การจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย ภายในกลางเดือน ก.ค. และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2567 มีโอกาสล่าช้า แต่อยู่ในระดับที่จัดการได้ คาดว่า SET Index ณ สิ้นปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 1,660 จุด เพิ่มขึ้น 7% จากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 1,550 จุด
ซึ่ง SCB มองว่าต้องจับตามองการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงเสถียรภาพทางการเมือง ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุน
กรอบเวลามีไว้เพื่อให้การดำเนินการ เป็นไปตามกระบวนการที่ชัดเจน โปร่งใส และเชื่อถือได้ แต่หากสามารถทำได้เร็วขึ้น ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องผิดอะไร บางเรื่องเราก็รอช้าไม่ได้ เพราะประเทศชาติจำเป็นต้องเดินหน้าต่อ