ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้ง เพราะอีกประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ประชาชนชาวไทยก็จะได้เข้าคูหา ลงคะแนนกันแล้ว
แถมไฮไลท์ของปีนี้ที่ทุกคนรอคอยก็คือ พรรคไหนที่จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศมาค่อนข้างยาวนาน 8 ปี (หลังการรัฐประหารในปี 2557 และชนะเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 )
ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจจะเป็นการเลือกตั้งที่หลายคนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ ขั้วอำนาจเดิมจะกลับมากุมบังเหียนประเทศอีกครั้ง หรือขั้วอำนาจใหม่จะได้เข้ามากุมบังเหียนแทน
ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลชุดนี้ ต้องบอกว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย เช่นการชุมนุมทางการเมืองหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงการรับมือกับเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าของสหรัฐและจีน ใน 4 ปีแรก และต่อมาอีก 4 ปีหลัง ที่เรียกได้ว่าสาหัสสากรรจ์ จากโรคระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก โควิด-19 กว่า 2 ปี
เพราะฉะนั้น บทพิสูจน์ว่า 8 ปีที่ผ่านมานั้น ความนิยมของพรรค พปชร. และฝืมือการบริหารของรัฐบาลปัจจุบัน ก็น่าจะมาจากคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยว่าจะอยู่หรือไป
ส่วนตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรี" ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รอบนี้วัดพลังกันดุเดือดจริงๆ เพราะหัวหน้าพรรคแต่ละพรรค ต่างก็มั่นใจ และประกาศเปิดตัวพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น พลเอก ประยุทธ์ ที่ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย แถมล่าสุดดูจะมั่นอก มั่นใจเต็มที่ ในการเดินหน้าหาเสียง ว่าจะได้เป็นนายกฯ อีก 2 ปี
ด้านพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือลุงป้อม ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ก็ปราศรัยเปิดตัวมั่นอก มั่นใจไม่แพ้กัน ที่จะขอเป็นนายกฯ คนใหม่ แถมยังเปิดกว้างพร้อมรับทุกพรรคเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่คู่แข่งสำคัญ พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศแลนด์สไลด์ พร้อมกลับเข้ามาเป็นแกนนำบริหารประเทศอีกครั้งนั้น ก็พร้อมมส่งแคนดิเดท อย่าง แพทองธาร ชินวัตร รวมทั้ง เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาฯ ที่ฝีมือพร้อม ร่วมวงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยเช่นกัน และต้องบอกว่า มีโอกาสไม่น้อยไปกว่า ฝั่งของ พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร โดยเฉพาะฝีมือในการบริหาร ซึ่งล่าสุด เศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์สื่อแห่งหนึ่งว่า เขาพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เช่นกันหากได้รับโอกาส ส่วน แพทองธาร ชินวัตร ก็ใช่จะไม่มีโอกาส ในฐานะทายาทอดีตนายกฯ และแรงหนุนจากคนในพรรค แม้อาจไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองเลยก็ตาม
นอกจากแคนดิเดท นายกฯ หลักๆ แล้ว ที่ยังประมาทไม่ได้ ก็ยังมี อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย -พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล - จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต่างก็เปิดตัวเป็นแคนดิเดท นายกฯ เช่นเดียวกัน
การเมืองบ้านเรา หากมองจากสถานการณ์ปัจจุบัน ตัวเลือกตำแหน่งนายกฯ แทบจะมองไม่เห็นว่าใครโดดเด่น หรือว่ายืนหนึ่งมา ไม่ว่าจะเป็นคนเก่า หรือคนมาใหม่ แถมไปๆมาๆ คะแนนเสียงจากฝั่ง ส.ว. ที่ยังมีสิทธิในการเลือกนายกฯ ก็ยังเป็นเสียงที่อาจตัดสินทุกสิ่งได้ แม้ประชาชนจะตัดสินเลือกไปแล้วว่าใครควรเป็น นายกฯ คนที่ 30 บางทีก็แอบคิดว่า
เลือกนายกฯ ไม่ยาก แต่เลือกคนที่เหมาะสม ยากกว่า เพราะนายกฯ ที่ใช่ หรือนายกฯ ที่เราพอใจ สุดท้ายอาจไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี .. นี่แหละการเมืองไทย
