efinancethai

บทบรรณาธิการ

โดย
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

: กองบรรณาธิการ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

[email protected]

เปิดสูตรตั้งรัฐบาล - โหวตนายกฯ รอบ 2 หลัง "พิธา" วืด

เปิดสูตรตั้งรัฐบาล - โหวตนายกฯ รอบ 2 หลัง

 

ไม่ผิดคาด สำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบแรก ที่ปรากฎว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้คะแนนโหวตเพียง  324  เสียง จากคะแนนเสียงสนับสนุนที่ควรได้  376 เสียง  โดยไม่เห็นด้วย 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง  ถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่ง

 

เพราะฉะนั้นเมื่อคะแนนออกมาเป็นแบบนี้ ก็จะต้องมีการโหวตครั้งที่ 2 อีกรอบในที่ 19 ก.ค. หรืออีกประมาณ 5 วัน ซึ่งระยะเวลาจากนี้ไป มีหลากหลายทฤษฎีให้คาดเดากันว่า ทางพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค จะทำอย่างไรต่อไป เพราะเห็นแล้วว่า คะแนนของนายพิธา ที่ได้ในรอบนี้จากบรรดาสมาชิกวุฒิสภา หรือส.ว.  น้อยมากเพียงแค่ 13 เสียง  แม้ว่าคะแนนจาก 8 พรรคร่วมจะเหนียวแน่นแค่ไหนก็ตาม

 

ดังนั้นหลังจากนี้ ทุกสายตาตอนนี้จึงจับจ้องไปที่พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมอันดับ 2  รวมถึงพรรคร่วมอีก 6 พรรค แล้วว่าจะยังคงหนุนนายพิธา เป็นนายกฯ ในการโหวตครั้งที่ 2 หรือไม่ และที่สำคัญกว่านั้น คือ เพื่อไทย จะยังคงจับมือก้าวไกล และก้าวไปด้วยกันเช่นเดิมอีกไหม เพราะดูแล้วยากเหลือเกินที่จะสามารถพลิกคะแนนของ ส.ว. ให้กลับมาสนับสนุนได้ แม้นายพิธา จะยืนยันหลังโหวตเสร็จว่า จะไม่ยอมแพ้ และจะหายุทธศาสตร์ในการเดินหน้าหาคะแนนเสียงต่อ

 

เพราะฉะนั้นสูตรจากนี้ จึงอาจจะเกิดขึ้นได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเกมดึงพรรคร่วมมาเพิ่ม เพื่อสกัด ส.ว. แม้มองแล้วจะยากเต็มที่ เพราะแต่ละพรรค ต่างก็ชูนโยบายของตัวเองไปหมดแล้ว ในขณะที่ ก้าวไกล ยังเดินหน้ายืนยันแก้ ม.112  แบบสุดทาง ยิ่งทำให้พรรคอื่นที่คัดค้านแต่แรกไม่อาจเข้าร่วมได้  แต่การเมืองไทย ที่อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ ก็เป็นเรื่องที่ไม่แน่ ไม่นอน อาจจะมีเซอร์ไพรส์ ได้เหมือนกัน

 

หรือ พรรคร่วมฯ อาจจะยังคงเดินหน้าดัน พิธา ในการโหวตรอบที่ 2 ต่อไป เว้นแต่รอบที่ 2 ถ้ายังโหวตไม่ผ่านอีก เพื่อไทยอาจจะต้องเจรจาเพื่อขอ เสนอชื่อแคนดิเดต จากพรรคเพื่อไทยเอง และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยที่ยังมีก้าวไกล และอีก 6 พรรคร่วมรัฐบาลต่อไปอยู่ เว้นแต่หาก จะมีเกมที่ต้องการผลักให้ก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้านจริงๆ และการโหวตยังไม่ผ่านอีก

 

คราวนี้เราอาจได้เห็นขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเปลี่ยนไป นี่ยังไม่รวมว่า ระหว่างนี้หากศาลฯ ตัดสินเรื่องคุณสมบัติของนายพิธา อีกด้วย

 

บอกแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก แม้ว่าอาจจะต้องคาดเดาหน้าตาของรัฐบาลกันอยู่ก็ตาม เพราะเมื่อฉากทัศน์ ออกมาแบบนี้ ประเทศไทย อาจจะยังไม่มีนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์  เพราะตราบใดที่ยังไม่ถอยเรื่อง ม.112   ก็ยากที่จะได้คะแนนจาก ส.ว. ที่เอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างไม่โหวตให้

 

ส่วนนอกจาก พิธา แล้วจะเป็นใคร ไม่ว่า แพทองธาร ชินวัตร , เศรษฐา ทวีสิน หรือแม้แต่ ลุงป้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็สุดแต่การเจรจาต่อรอง เพราะการเมืองไทยเป็นเรื่องที่คาดเดาลำบากจริงๆ 

 

ลุ้นกันต่อไปอีก  6 วัน ซึ่งก็หวังว่าทุกอย่างน่าจะมีบทสรุปได้เสียที ยิ่งช้า ประเทศยิ่งเสียเปรียบ เศรษฐกิจก็จะยิ่งได้รับผลกระทบ การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567  ที่จะต้องล่าช้าออกไป ต่อเนื่ิองไปถึงการลงทุนในโครงการต่างๆ

 

ขณะที่ นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น  และอาจทำให้การลงทุนทั้งทางตรง ทางอ้อมหดหาย จากสุญญากาศทางการเมือง เพราะประเทศจะบริหารด้วยรัฐบาลรักษาการไปนานๆ ไม่ได้

 

ตอนนี้สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ภาวนา คือ ขออย่าให้ประเทศกลับไปสู่วัฏจักรเดิมอีก ความกังวลเรื่องคนลงถนน เรื่องการชุมนุมจะกลับมา หากเป็นแบบนี้ มองเห็นภาพได้เลย ว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไร 

 

 

 







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh