efinancethai

บทบรรณาธิการ

โดย
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

: กองบรรณาธิการ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

[email protected]

ลุงพาวเวล กับ มาตรการขึ้นดอกเบี้ยของเขา

ลุงพาวเวล กับ มาตรการขึ้นดอกเบี้ยของเขา

 

ทันทีที่ลุงเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด กล่าวต่อสภาคองเกรส เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า เฟดพร้อมจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกระส่ำระสายขึ้นมาทันที เพราะนั่นเท่ากับว่า เงินยังพร้อมจะไหลออกไปยังสหรัฐฯ และตลาดหุ้นที่มักจะอ่อนไหวกับการขึ้นดอกเบี้ยก็จะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


 

ทั้งนี้การประชุมล่าสุด (31 มีนา - 1 ก.พ.) เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยไป 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยมาตรฐานมาอยู่ที่ 4.5 - 4.75% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 แต่ก็ถือเป็นการชะลอการขึ้นในอัตราที่ลดลงจากการปรับดอกเบี้ยติดกัน 5 ครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม ปีก่อน ที่ขึ้น 0.75% ถึง 4 ครั้ง และ 0.50% อีกหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2523


 

แต่แล้วถ้อยแถลงล่าสุดของพาวเวล ก็ได้ทำลายความหวังของมวลหมู่นักลงทุนจนหมดสิ้น เพราะในส่วนของเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนมกราคมที่เพิ่มขึ้น 6.4% แม้จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อยๆ ชะลอลง โดยชะลอลงติดต่อกันเดือนที่ 7 และต่ำสุดในรอบ 15 เดือนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ต่ำพอที่จะทำให้เฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย และหากเงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4% ไปตลอดทั้งปี เฟดก็อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยไปถึงระดับ 6% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้สำเร็จ ตามที่กูรูหลายสำนักคาดการณ์ไว้


 

โดย บล.ทิสโก้ ประเมินว่าหากเฟดขึ้นดอกเบี้ยไป 6% Bond Yield สหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นไปถึง 4.1% และกดดันให้มูลค่าตลาดหุ้นลดลงประมาณ 5% จากระดับปัจจุบัน โดยทิสโก้มองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ดัชนีราคาผู้ผลิตที่สูงกว่าคาด ตัวเลขการว่างงานที่ต่ำสุดในรอบ 50 ปี ยอดขายบ้านและรถที่มีแนวโน้มฟื้นตัว สะท้อนว่าความพยายามของเฟด ในการควบคุมเงินเฟ้อด้วยการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องอาจไม่พอ เพราะฉะนั้นเฟดจึงจำเป็นต้องปรับทิศทางนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นไปอีก


 

ดังนั้นการประชุมเฟด วันที่ 21-22 มีนาคมนี้ ตลาดจึงคาดว่าเฟดน่าจะกลับไปขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50% อีกครั้ง และจะให้ดอกเบี้ยนโยบายขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 5-5.25% เพราะฉะนั้นด้วยแนวโน้มเช่นนี้ จะส่งผลกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก เป็นระยะๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตอนนี้ โบรกเกอร์บางเจ้าประเมินว่า SET Index พร้อมจะหลุด 1,600 จุดได้ทุกเมื่อ


 

เท่านั้นยังไม่พอ ลุงพาวเวล ยังย้ำว่า ภารกิจการต่อสู้เงินเฟ้อของเฟด จะยังไม่สิ้นสุดง่ายๆ เพราะการลดเงินเฟ้อให้เหลือ 2% ตามเป้าหมายยังคงเป็นหนทางที่ยาวไกล และไม่ราบรื่น เฟดจึงจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป


 

เพราะฉะนั้นแนวโน้มตลาดในช่วงนี้ เลยมาจากประเด็นกดดันจากฟากฝั่งคุณลุงพาวเวล เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ดัชนีฯ ไปไหนไม่ได้ไกล แถมยังผันผวนจากแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติ และเงินที่ไหลออกจนทำให้ค่าเงินบาทของเราตอนนี้อ่อนค่าลงอีก แม้ในประเทศจะมีปัจจัยที่มาช่วยหนุนได้บ้างทั้งจาก มาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาล รวมไปถึงการเตรียมตัวยุบสภาเร็วๆ นี้ เพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้งทั่วไปในเดือน พ.ค.


 

รอฟัง รอชม แต่ไม่ต้องรอลุ้น เพราะเชื่อลุงพาวเวลได้เลย ว่าวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ ขึ้นดอกเบี้ยแน่ๆ ส่วนตลาดหุ้นจะรับรู้ข่าวไปแล้ว แล้วเดินหน้าปรับตัวขึ้น หรือจะลงอีก เพราะนักลงทุนยังกังวลใจไม่หายนั้น ก็สุดจะคาดเดา เพียงแต่ที่แน่ๆ ก็คือ ปีนี้เราคงต้องอยู่กับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟดไปอีกยาวๆ

 







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh