"แพทองธาร" นายกฯคนที่ 31 กับภารกิจที่มีประเทศเป็นเดิมพัน
หลังจาก "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา วันต่อมาพรรคร่วมรัฐบาลก็มีมติร่วมกันให้ "แพทองธาร ชินวัตร" แคนดิเดท ของพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ต่อทันที แม้ว่าในช่วงแรกจะการเสนอชื่อของ "นายชัยเกษม นิติสิริ" ขึ้นมาเป็นนายกฯ แต่ในที่สุด มติ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ก็ส่งให้แพทองธาร ขึ้นเป็นนายกฯ ขณะที่คะแนนเสียงโหวตในสภาก็เกินกึ่งหนึ่ง ที่ 319 ต่อ 145 เสียง
ถือเป็นชินวัตร คนที่ 3 ของตระกูล ที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ต่อจาก นายทักษิณ และนางยิ่งลักษณ์ และหากนับเขยชินวัตร อย่างสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไปด้วยก็นับได้ว่าวงศ์วานว่านเครือของตระกูลชินวัตร เข้าดำรงตำแหน่งผู้นำบริหารประเทศมาแล้วถึง 4 คน
แพทองธาร กลายเป็นนายกฯหญิงที่คนที่ 2 ของประเทศ และเป็นนายกฯ ที่มีอายุน้อยที่สุดของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ด้วยวัยเพียง 38 ปี เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ท่ามกลางความท้าทายมากมายที่รออยู่ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำในตอนนี้ นายกฯคนใหม่จะแก้ปัญหาอย่างไร จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้มาตรการอะไรบ้าง และจะสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศได้มากน้อยแค่ไหน
เพราะต้องยอมรับว่าเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลเพื่อไทย ยังไม่เห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย นอกจากนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ที่ป่านนี้ก็ยังต้องรอว่าจะทำหรือไม่ทำ หลังเปลี่ยนนายกฯ จากเศรษฐา มาเป็น แพทองธาร
3 ปีจากนี้ไป คงมีหลายเรื่องราว รอให้นายกหญิงคนที่ 2 ของตระกูลชินวัตรพิสูจน์ และแน่นอนหนทางคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกสายตาต่างโฟกัสมาที่การทำงานของนายกฯ "อุ๊งอิ๊ง" การบริหารประเทศที่ต้องถูกมองว่าอาศัยร่มเงาของพ่อ ไหนจะการเปรียบเทียบกับการทำงานกับพ่อทักษิณ และอายิ่งลักษณ์ นั่นจึงเป็นงานหนัก งานยาก แบบไม่ต้องคาดเดา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจากนี้มีประเทศชาติเป็นเดิมพัน ไม่ใช่งาน Sofe Power เหมือนที่ผ่านมา
ส่วนตอนจบจะเป็นอย่างไรไม่มีใครบอกได้ แต่เมื่อชีวิตขึ้นสู่จุดสูงสุด ด้วยอายุและประสบการณ์ทางการเมืองที่ยังน้อย แถมยังต้องแบกความรับผิดชอบ ความหวัง เสียงชื่นชม หรือเสียงบ่น ก่นด่าของประชาชนทั้งประเทศไว้บนบ่า อีก
รับประกันว่าชีวิตของนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 จากนี้ไม่มีอะไรง่าย เหมือนที่ผ่านมาแน่นอน