จีดีพีไทยหมดหวังโต 4-5% ... เก่งสุดแค่ 3%
งาน Meet The Press ของผู้ว่าแบงก์ชาติ "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" เมื่อวันพฤหัสบดี (4 ก.ค.) ที่ผ่านมา ค่อนข้างชัดเจนแจ่มชัด ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และทำไมแบงก์ชาติถึงไม่ลดดอกเบี้ย เรียกว่าไขข้อข้องใจได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว หลังจากที่ผ่านมามีวิวาทะเกิดขึ้นค่อนข้างถี่
ผู้ว่าฯ ชี้แจงว่าทำไมถึงไม่ลดดอกเบี้ย เพราะจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องเงินเฟ้อที่ไม่ใช่ว่าต่ำแล้วจะลดดอกเบี้ยได้เลย แม้ปัจจุบันเงินเฟ้อจะต่ำกว่ากรอบ "ไม่ได้มีอะไรที่เป็นสูตรตายตัวว่าเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบ ต้องลดดอกเบี้ย ไม่ได้เป็นสูตรตายตัวแบบนั้น"
อีกทั้งเงินเฟ้อต่ำ ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาของถูกลง เพราะราคาของขึ้นไปแล้วลงยากแล้ว โดยเฉพาะราคาของเมื่อเทียบ 5 ปีก่อน ที่ผู้ว่าฯ บอกว่าเพิ่มขึ้นมาก ทั้งราคาพลังงาน ไข่ไก่ ก๊าซหุงต้ม ไก่สด
นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาสัดส่วนหนี้ครัวเรือนซึ่งปรับตัวสูงขึ้น การพิจารณาเรื่องดอกเบี้ย จึงต้องดูไม่ให้เอื้อให้การกู้ยืมพุ่งเร็วจนเกินไป ซึ่งผู้ว่าย้ำแล้วย้ำอีกว่าเรื่องดอกเบี้ยจึงต้องชั่งน้ำหนักหลายมิติ และดูผลข้างเคียงด้วย
ส่วนเศรษฐกิจหรือจีดีพีประเทศนั้น ล่าสุดธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ออกมาหั่นเป้าเหลือโตแค่ 2.4% ซึ่ง ผู้ว่าเศรษฐพุฒิ ก็ยอมรับว่าศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลงไม่ได้อยู่ที่ 4-5% แล้ว แต่น่าจะเติบโตได้ที่ 3% เท่านั้น
" อยากให้เศรษฐกิจไทยเติบโตจะต้องปรับปรุงโครงสร้าง ต้องลงทุน มีเทคโนโลยีใหม่ มีโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง R&D ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโตได้มากกว่า 3% ไม่ใช่จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจะเป็นการกระตุ้นในช่วงนั้นแล้วเศรษฐกิจจะกลับมาในระดับเดิม"
เรียกว่าเป็นการตอบข้อข้องใจ ไขความกระจ่างได้ในระดับหนึ่ง สำหรับประเด็นดอกเบี้ย และเศรษฐกิจในประเทศ ด้วยมุมมองของ ธปท.
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจจะดีขึ้น จะโต3- 4 หรือ 5% ได้หรือไม่ได้ ก็ต้องอยู่ที่ทุกฝ่ายเปิดใจ และพร้อมที่จะเดินหน้าแก้ปัญหา และฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นความเชื่อมั่นไปด้วยกัน เพราะหากรัฐบาล หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการควบคุมดูแลเสถียภาพเศรษฐกิจ การเงินของประเทศ ยังเดินไปคนละทาง ก็คงยากที่จีดีพีเราจะกลับมายืนที่ 4 หรือ 5% ได้จริง