จุดยืนของแบงก์ชาติ...นโยบายการเงิน-การคลัง ไปทางไหนดี
จนแล้วจนรอดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ก็ไม่ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย แม้จะถูกกดดันจากฟากฝั่งรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่ระบุชัดเจนมาตลอดว่าแบงก์ชาติควรลดดอกเบี้ย เพื่อพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน
มติ 5: 2 เสียง แม้จะเสียงแตก แต่ก็ชัดเจนว่า กรรมการ กนง. ส่วนใหญ่ยังไม่อยากลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เพราะประเมินแล้วว่านโยบายการเงินน่าจะเอาอยู่ และดอกเบี้ยที่ 2.5% ต่อปี กนง. บอกว่าสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และเอื้อต่อการรักเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว แม้หลายฝ่ายอาจจะมองว่า ด้วยเงินเฟ้อที่ต่ำขนาดนี้ ทำไมไม่ลดดอกเบี้ย
แต่อย่าลืมว่าในมุมมองของแบงก์ชาตินั้น เรื่องนโยบายการเงินคงไม่ได้ดูที่ว่าจะลด หรือจะคง อย่างเดียว แต่คงมองในหลายมิติ นอกเหนือจากการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ให้เหตุผลไว้ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ ที่ กนง. ระบุว่ายังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการฟื้นตัวของภาคการส่งออก รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่ง กนง. ยังต้องติดตามเพื่อจะพิจารณานโยบายการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า
และแน่นอน ที่ กนง.กังวลก็คือหนี้ครัวเรือนในระดับสูง และความสำคัญของการลดสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ ที่ควรมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดความเปราะบางของเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว และแน่นอนว่า กนง. อาจรอการลดดอกเบี้ยของเฟด และเงินเฟ้อสหรัฐฯประกอบด้วยอีกทาง
อีกทั้งเดือนหน้าที่งบประมาณปี67 จะเบิกจ่ายได้แล้ว และอาจเป็นตัวกระตุ้นการใช้จ่าย หนุนเงินเฟ้อให้เพิ่มขึ้น ก็อาจเป็นอีกสาเหตุที่แบงก์ชาติขอรอดูก่อน
ดังนั้นใครจะว่าอย่างไรไม่สำคัญ แต่หน้าที่ของแบงก์ชาติ คือการรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งรักษาเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว ซึ่งก็คือการแสดงจุดยืนของแบงก์ชาติ
ส่วนที่มองกันว่า ยิ่งอยากให้ลด ฉันก็จะไม่ลด ใครจะทำไม มองแบบเป็นกลาง คงไม่มีใครอยากจะเอาเศรษฐกิจของประเทศมาเดิมพัน ด้วยเรื่องแบบนี้ รัฐบาลมองอีกมุม แบงก์ชาติก็มีเหตุผลในอีกมุม และในฐานะที่มองกันว่าแบงก์ชาติเป็นผู้รักษาประตู ก็คงต้องเน้นเรื่องความเหนียวแน่นเป็นหลัก
ลุ้นกันเดือนต่อเดือน ยกเว้นแต่เศรษฐกิจในประเทศจะไม่กระเตื้องขึ้นจริงๆ แม้งบประมาณออกก็ไม่ได้ช่วยอะไร คราวนี้นโยบายการเงิน อาจต้องเป็นตัวช่วยจริงๆ ดอกเบี้ยก็จะลดเร็วขึ้น จากที่คาดว่าน่าจะลดในเดือน มิ.ย.