หนักหน่วงจริงๆ เศรษฐกิจปีนี้ และน่าจะหนักแบบทั่วถึง ตั้งแต่นายทุน ยันรากหญ้ากันไปเลยทีเดียว เพราะตอนนี้ แทบทุกฝ่ายโอดครวญเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีนี้เหนื่อยจริงๆ หนักจริงๆ ระดับนายทุน ที่แม้จะมองว่าต่อให้เศรษฐกิจไม่ดียังไงก็ก็คงไม่ได้รับผลกระทบมากมายอะไร
ซึ่งในมุมของการใช้ชีวิตเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง ก็จริงอยู่อาจไม่ใช่ แต่สำหรับนายทุน หรือผู้ประกอบการนั้น ด้วยภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำธุรกิจมันยาก ค้าขายลำบากขึ้นเยอะ เห็นได้จากข่าวที่หลายธุรกิจ หลายบริษัท ปิดตัวหนีตายไปก็เยอะ เพราะพิษสงเศรษฐกิจตอนนี้ แล้วเมื่อระดับนายทุนยังเหนื่อย ยังลำบาก ระดับลูกจ้าง คนหาเช้า กินค่ำ แทบไม่ต้องบอกเลยว่าจะลำบากยิ่งกว่ากี่เท่า
เศรษฐกิจบ้านเราตอนนี้เหมือนติดหล่ม เพราะฟื้นตัวช้า ทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอกอาจเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ แต่สำหรับปัจจัยภายในที่เราน่าจะบริหารจัดการได้ ก็ไม่สามารถช่วยประคองผลกระทบจากภายนอกได้เลย แถมยังซ้ำเติมทั้งเรื่องปัญหาการเมือง ที่ขาดความชัดเจน ทั้งงบประมาณที่ล่าช้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่เป็นเรือธงก็ยังยืดเยื้อ ประกอบการค่าครองชีพที่สูงทะลุปรอท แถมล่าสุดค่าไฟก็เตรียมจ่อขึ้นอีก เรียกว่าทุกอย่างซ้ำเติมประชาชน และฉุดให้เศรษฐกิจประเทศเติบโตช้าลงเรื่อยๆ
ล่าสุด ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่รายงานออกมาว่า ก็ยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยลดลงเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 66 เป็นต้นมา ก็เพราะความกังวลว่าการเมืองไทยเริ่มขาดเสถียรภาพ เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงและฟื้นตัวช้า
ส่วนที่ว่าเศรษฐกิจวิกฤตแล้วใช่มั๊ย เราคงไม่สามารถการันตีได้ เอาเป็นว่าที่แน่ๆ เศรษฐกิจไม่ได้ดีเหมือนก่อนโควิด เผลอๆ ตอนนี้ ความหวังเดียวที่มองอาจจะต้องดูว่า เงินหมื่นบาทที่รัฐบาลบอกว่าจะแจกได้ช่วงปลายปี จะแจกจริง แจกได้ และช่วยทำให้เศรษฐกิจหมุนไป จะช่วยได้จริง เพราะมองไปรอบตัวตอนนี้ เราแทบไม่เหลือความหวังอะไรที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจปีนี้ให้รอดได้เลย ทั้งที่จริงๆแล้ว Digital Wallet ไม่ควรจะเป็นมาตรการหลักที่จะช่วยพลิกเศรษฐกิจของประเทศด้วยซ้ำไป หากรัฐบาลมีมาตราการอื่นรองรับ
เหลืออีก 6 เดือนเท่านั้นเอง จะเอายังไงดีกับเศรษฐกิจของประเทศ รอดหรือร่วง รัฐบาลน่าจะรู้ดีที่สุด อย่าหลอกตัวเอง จีดีพีประเทศจะขยายตัวได้ ไม่ได้มีแค่มาตรการเดียวนะเจ้าคะ ส่วนจะหวังพึ่งแต่ท่องเที่ยวเป็นหลักมาช่วยประคองอยู่ร่ำไป ก็คงไม่ไหว
หรือประเทศไทย ต้องมีลิซ่า อีกซัก 10 คน
