efinancethai

บทบรรณาธิการ

โดย
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

: กองบรรณาธิการ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

[email protected]

ทองขึ้น...ฉ่ำๆ

ทองขึ้น...ฉ่ำๆ

 

ทองโลกยังนิวไฮไม่หยุด ทะลุ 2,300 ดอลล์/ออนซ์ ... ช่วงนี้ใครตุนทอง สะสมทอง ลงทุนทองไว้ คงยิ้มแก้มปริเป็นทิวแถว เพราะราคาทองพุ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริงๆ และดูหมือนจะยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ โดยล่าสุดราคาขายออกทองรูปพรรณบ้านเรา ทะลุ 40,000 บาทไปเรียบร้อย ในขณะที่ทองแท่งก็น่าจะกำลังตามมาติดๆ

 

ราคาทองคำพุ่งแรงมาตั้งแต่กลางเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่รายวันมาตลอดสัปดาห์นี้ หลังจากนักลงทุนคาดว่าทองคำจะยังคงได้ประโยชน์จากการปรับทิศทางนโยบายการเงินของเฟดที่กำลังจะเกิดขึ้น และยังได้แรงหนุนจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และยูเครน ตลอดจนการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางประเทศต่างๆ

 

ข้อมูลล่าสุดประเทศที่ถือครองทองคำมากสุด 5 อันดับแรก ก็คือ สหรัฐฯ  8,133.5 ตัน  เยอรมนี 3,352.6 ตัน อิตาลี 2,451.8  ตัน ฝรั่งเศส 2,437 ตัน และ รัสเซีย 2,329.6 ตัน ส่วนจีนหล่นมาอยู่อันดับ 6 ที่ 2,245.3 ตัน

 

ขณะที่ วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG ระบุว่า นับจากต้นปีที่ทองเปิดตลาดระดับ 2,062 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนถึงระดับสูงสุด (All Time High) ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วถึง 226 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือ +10.93% ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% เปิดตลาดเมื่อต้นปีที่ 33,550 บาทต่อบาททองคำ และได้ปรับตัวขึ้นมาถึงบริเวณ 39,600 บาทต่อบาททองคำ  ทองคำรูปพรรณล่าสุดทะลุ 40,000 บาท ตามเป้าหมายที่ให้ไว้เช่นกัน

 

ก่อนหน้านี้ YLG  เคยให้เป้าหมายว่าราคาทองคำจะไปถึง  2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ภายในครึ่งปีแรก และปรับเป้าหมายใหม่ไว้ที่ 2,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์  จาก 4 ปัจจัยสนับสนุนหลัก 

 

1. การคาดการณ์ที่ว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สิ้นสุดลงแล้ว และเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ พร้อมคาดการณ์ตลาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้

 

2. โมเมนตัมทางเทคนิค หลังจากราคาทะลุเป้าหมายของปีนี้ และราคาทะลุแนวสำคัญทางเทคนิคหลายประการ

 

3. ความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีน ทั้งในด้านทองคำกายภาพและกองทุน ETFs ที่ช่วยผลักดันราคาทองคำในปีนี้ และ

 

4. แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงดำเนินต่อไปในปีนี้ ขณะที่ World Gold Council คาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่แข็งแกร่งอีกปีหนึ่งของความต้องการทองคำจากธนาคารกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในตลาดเกิดใหม่

 

เพราะฉะนั้นเห็นแบบนี้แล้ว ก็ชัดเจนเลยว่าปี 2567 น่าจะเป็นปีทองของทองคำ  และเหมาะเหลือเกินสำหรับนักลงทุนที่พร้อมจะขุดทอง หรือลงทุนกับทองคำได้ในระยะยาว คือดีอยู่แล้วสำหรับคนที่ลงทุนมาก่อน และน่าจะดีสำหรับคนที่กำลังจะเข้าวงการทองคำ

 

ถึงแม้ว่าเราอาจจะผ่านยุคตื่นทองมานานมากแล้ว แต่สำหรับยุคดิจิทัลในปัจจุบันนี้  ทองก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญ และแน่นอนว่า "ทองคำ" ยังคงเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าที่มนุษย์ต้องการไม่ว่ายุคใดสมัยใด  และแน่ยิ่งกว่าแน่ ทองคำก็ยังเป็นมาตรฐานแสดงถึงความร่ำรวย ความมั่งคั่งอีกด้วย

 

"ดังนั้นในยุคที่ทองคำลงทุนได้ง่ายขึ้น เราสามารถซื้อทองคำเท่าไหร่ก็ได้ แถมไม่จำเป็นต้องมีทองคำในมือ ก็เป็นเจ้าของได้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย หากใครคิดจะเข้าวงการทองคำกับเขาบ้าง อย่างน้อยราคาทองบวกขนาดนี้ ก็ยังได้ตื่นเต้น มีส่วนร่วมกับเขาได้เหมือนกัน"

 

 

 







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh