ทองขึ้น...ฉ่ำๆ
ทองโลกยังนิวไฮไม่หยุด ทะลุ 2,300 ดอลล์/ออนซ์ ... ช่วงนี้ใครตุนทอง สะสมทอง ลงทุนทองไว้ คงยิ้มแก้มปริเป็นทิวแถว เพราะราคาทองพุ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริงๆ และดูหมือนจะยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ โดยล่าสุดราคาขายออกทองรูปพรรณบ้านเรา ทะลุ 40,000 บาทไปเรียบร้อย ในขณะที่ทองแท่งก็น่าจะกำลังตามมาติดๆ
ราคาทองคำพุ่งแรงมาตั้งแต่กลางเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่รายวันมาตลอดสัปดาห์นี้ หลังจากนักลงทุนคาดว่าทองคำจะยังคงได้ประโยชน์จากการปรับทิศทางนโยบายการเงินของเฟดที่กำลังจะเกิดขึ้น และยังได้แรงหนุนจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และยูเครน ตลอดจนการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางประเทศต่างๆ
ข้อมูลล่าสุดประเทศที่ถือครองทองคำมากสุด 5 อันดับแรก ก็คือ สหรัฐฯ 8,133.5 ตัน เยอรมนี 3,352.6 ตัน อิตาลี 2,451.8 ตัน ฝรั่งเศส 2,437 ตัน และ รัสเซีย 2,329.6 ตัน ส่วนจีนหล่นมาอยู่อันดับ 6 ที่ 2,245.3 ตัน
ขณะที่ วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG ระบุว่า นับจากต้นปีที่ทองเปิดตลาดระดับ 2,062 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนถึงระดับสูงสุด (All Time High) ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วถึง 226 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือ +10.93% ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% เปิดตลาดเมื่อต้นปีที่ 33,550 บาทต่อบาททองคำ และได้ปรับตัวขึ้นมาถึงบริเวณ 39,600 บาทต่อบาททองคำ ทองคำรูปพรรณล่าสุดทะลุ 40,000 บาท ตามเป้าหมายที่ให้ไว้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ YLG เคยให้เป้าหมายว่าราคาทองคำจะไปถึง 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ภายในครึ่งปีแรก และปรับเป้าหมายใหม่ไว้ที่ 2,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ จาก 4 ปัจจัยสนับสนุนหลัก
1. การคาดการณ์ที่ว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สิ้นสุดลงแล้ว และเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ พร้อมคาดการณ์ตลาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้
2. โมเมนตัมทางเทคนิค หลังจากราคาทะลุเป้าหมายของปีนี้ และราคาทะลุแนวสำคัญทางเทคนิคหลายประการ
3. ความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีน ทั้งในด้านทองคำกายภาพและกองทุน ETFs ที่ช่วยผลักดันราคาทองคำในปีนี้ และ
4. แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงดำเนินต่อไปในปีนี้ ขณะที่ World Gold Council คาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่แข็งแกร่งอีกปีหนึ่งของความต้องการทองคำจากธนาคารกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในตลาดเกิดใหม่
เพราะฉะนั้นเห็นแบบนี้แล้ว ก็ชัดเจนเลยว่าปี 2567 น่าจะเป็นปีทองของทองคำ และเหมาะเหลือเกินสำหรับนักลงทุนที่พร้อมจะขุดทอง หรือลงทุนกับทองคำได้ในระยะยาว คือดีอยู่แล้วสำหรับคนที่ลงทุนมาก่อน และน่าจะดีสำหรับคนที่กำลังจะเข้าวงการทองคำ
ถึงแม้ว่าเราอาจจะผ่านยุคตื่นทองมานานมากแล้ว แต่สำหรับยุคดิจิทัลในปัจจุบันนี้ ทองก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญ และแน่นอนว่า "ทองคำ" ยังคงเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าที่มนุษย์ต้องการไม่ว่ายุคใดสมัยใด และแน่ยิ่งกว่าแน่ ทองคำก็ยังเป็นมาตรฐานแสดงถึงความร่ำรวย ความมั่งคั่งอีกด้วย
"ดังนั้นในยุคที่ทองคำลงทุนได้ง่ายขึ้น เราสามารถซื้อทองคำเท่าไหร่ก็ได้ แถมไม่จำเป็นต้องมีทองคำในมือ ก็เป็นเจ้าของได้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย หากใครคิดจะเข้าวงการทองคำกับเขาบ้าง อย่างน้อยราคาทองบวกขนาดนี้ ก็ยังได้ตื่นเต้น มีส่วนร่วมกับเขาได้เหมือนกัน"