ขยายเวลาเทรดหุ้น ... ดีจริงหรือ ?
ตลาดหลักทรัพย์ เตรียมดีเดย์ขยายเวลาเทรดหรือซื้อขายหุ้น หลังจากสรุปผลการเปิดรับฟังความคิดเห็น(เฮียริ่ง)เรียบร้อย และนำเสนอ ก.ล.ต.พิจารณาเรียบร้อยโดยเวลาเทรดใหม่ ในช่วงเช้าจะเริ่มเวลา 10.00 - 12.30 น. เหมือนเดิม แต่ปรับช่วงการซื้อขายรอบบ่ายใหม่ จากเดิมเปิดเทรดเวลา 14.30 น. เปลี่ยนเป็นเปิดเทรด 14.00 - 16.30 น. (เปิดเร็วขึ้น 30 นาที) ทำให้เวลาเทรดปัจจุบันรวม 4.30 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมง
โดยวัตถุประสงค์ของการขยายเวลาเทรดก็เพื่อเพิ่มระยะเวลาซื้อขายหุ้นของไทยขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นที่เฉลี่ยมีเวลาซื้อขาย 6 - 7 ชั่วโมงต่อวัน ตามข้อเสนอเดิมที่ต้องการให้เวลาซื้อขายหุ้นไทยล้อไปกับตลาดหุ้นในภูมิภาค
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าการเพิ่้มเวลาเทรดหุ้นนั้น ก็มีคำถาม และข้อสงสัยไม่น้อยว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของคนในวงการตลาดทุนแต่อย่างไร เพราะจริงๆแล้ว ตลาดหุ้นบ้านเราก็เทรดเวลานี้มาตั้งนาน แม้เวลาเทรดอาจจะน้อยกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลเสีย หรือกระทบภาพรวมการซื้อขายแต่อย่างใด
โดยเฉพาะล่าสุดที่มองกันว่า การเพิ่มเวลาอาจทำให้ย้อนแย้งกับมาตรการคุมโปรแกรมเทรด และนโยบายดังกล่าวก็นโยบายดังกล่าวเป็นความต้องการของรัฐบาลที่สั่งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เร่งดำเนินการ อีกทั้งเอาจริงแล้วตอนกลางวันก็เป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเทรดมากที่สุดอยู่แล้ว และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น (Program trading) เพราะฉะนั้นเลยอาจย้อนแย้งกับนโยบายในปัจจุบันที่อยากจะควบคุม และดูแลผุ้ลงทุนที่ใช้โปรแกรมเทรด
เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะเกิดความสงสัยว่า การขยายเวลาเทรดดีจริงแค่ไหน และขยายเวลาแล้วจะช่วยให้เกิดผลดีต่อตลาดหุ้นหรือไม่ โดยนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายแรกของรัฐบาลมาตั้งแต่เดือน ก.ย.66
ทั้งนี้ ทั้งนั้นดูเหมือนว่า แม้จะการตั้งคำถามกับนโยบายดังกล่าว หรือแม้ว่าจะหรือไม่เห็นด้วย แต่ล่าสุด ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ก็บอกว่าการขยายเวลาเทรดได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เคาะเวลาเท่านั้นโดยคาดว่าน่าจะเริ่มได้ในช่วงต้นเดือน มี.ค. หรือ เม.ย. นี้แล้ว
ดีไม่ดียังไง ก็คงต้องมาดูกันว่า เมื่อเริ่มขยายเวลาใหม่ จะช่วยส่งเสริมการซื้อขายหุ้นบ้านเราได้ดีขึ้นแค่ไหน มูลค่าการซื้อขายจะเพิ่้มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจริงหรือไม่ และผลักดันให้ตลาดหุ้นบ้านเราแข่งขันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคได้อย่างสูสี ใช่หรือไม่
แต่ที่แน่ๆ แบบไม่ต้องคิดก็คงเป็นบรรดามาร์เก็ตติ้งจะเหลือเวลาพักเที่ยงน้อยลง