เก็บจนได้ ... ภาษีขายหุ้น
ค่อนข้างเซอร์ไพร์ส ที่อยู่ดีๆ รัฐบาลก็ประกาศจัดเก็บภาษีขายหุ้น แบบไม่ได้ส่งสัญญาณล่วงหน้า ถึงแม้ว่าก่อนหน้าจะเงื้อกันมาหลายรอบ ทั้งหยั่งเชิง ลองเชิง แต่สำหรับคราวนี้คือเอาจริง ไม่สนว่าใครจะค้านอีกต่อไป
หลังจากคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. มีมติเมื่อวันอังคาร (29 พ.ย.) ที่ผ่านมา ให้จัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยเริ่มแรกจะเก็บก่อนในอัตรา 0.055% ซึ่งคาดว่าจะดีเดย์ มิ.ย.ปีหน้า หลังจากนั้น 1 ม.ค. 67 จะเพิ่มเป็น 0.11%
จะบอกว่าช็อกก็ไม่น่าแปลก เพราะรอบนี้รัฐบาลไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว เก็บเลยแล้วกัน แถมยังเป็นการเก็บภาษีขายหุ้น ซึ่งจะเริ่มเก็บตั้งแต่บาทแรก ไม่มีการยกเว้นเพดานขั้นต่ำอีกต่างหาก เรียกว่าถูกเก็บแบบทั่วถึงเลยทีเดียว ตามที่ท่าน รมว.คลัง "อาคม" บอกว่าเพื่อสร้างความเท่าเทียมด้านภาษีของคนในตลาดฯ
งานนี้บรรดาคนในวงการตลาดทุนโอดโอยกันเป็นแถว เพราะมองว่าการเก็บภาษีแบบนี้ เท่ากับสกัดดาวรุ่งการลงทุนชัดๆ ทำให้ Sentiment ตลาดเสีย นักลงทุนต่างชาติที่ไหนจะอยากเข้ามาลงทุน
"ไพบูลย์ นลินทรางกูร" นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) คัดค้านชัดเจนไม่เห็นด้วย ชี้ "ไม่ใช่เวลาเหมาะสม เพราะถือเป็นการเพิ่มปัจจัยลบให้กับตลาดหุ้นไทย และจะทำให้ตลาดสะดุด อีกทั้งการเรียกเก็บภาษีจะสร้างผลกระทบ และความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทยแน่นอน เพราะสภาพคล่องโดยรวมลดลง ทำให้ความน่าสนใจในตลาดหุ้นลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังจะกระทบกับนักลงทุนทั่วไป ที่อาจไม่สามารถซื้อขายได้คล่องตัวเหมือนเดิม กระทบกับภาคธุรกิจที่ต้องการระดมทุนอีกต่างหาก "
ขณะที่ บล.กสิกรไทย ประเมินว่า " มูลค่าการซื้อขายของตลาดลดลง เพราะจะลดแรงจูงใจในการเทรดของนักลงทุน โดยเฉพาะธุรกรรมในกลุ่ม high-frequency trading ทำให้ความนิยมในการซื้อขายหุ้นในตลาดลดลง ส่งผลให้ค่า PE ของหุ้นและตลาดต่ำลง ต้นทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นและที่สำคัญลดแรงจูงใจในการนำบริษัทเข้าตลาดถ้า PE ไม่น่าจูงใจ"
เรียกว่าในมุมของคนตลาดทุน แทบจะเห็นคนเออออห่อหมกกับรัฐบาลน้อยมาก แม้บางคนจะมองในแง่ดี ว่าอาจจะกระทบแค่ระยะแรกก็ตาม แต่ส่วนใหญ่แล้ว แทบจะมองไม่เห็นมุมบวกกับการเก็บภาษีครั้งนี้ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนเดย์เทรด ที่คาดว่าน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดอีกกลุ่มหนึ่ง ไหนจะกลุ่มนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติ ที่เชื่อว่าหากโดนเก็บภาษี ก็แทบจะไม่อยากเข้ามาลงทุน
รัฐบาลมั่นใจว่าการเก็บภาษีจะช่วยเพิ่มรายได้ให้รัฐบาล ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต้องอยู่ในสมมติฐานมูลค่าการซื้อขาย 7-8 หมื่นล้าน/ วัน ซึ่งจะทำได้ตามนั้นหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกัน เพราะบางทีรายรับที่คาดว่าจะได้ อาจไม่คุ้มเสียก็ได้ หากการจัดเก็บภาษีจะไปกระทบภาพรวมการลงทุน ตลอดการระดมทุนในตลาดทุนที่น่าจะมีมากกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท
ตลาดหุ้นเป็นตลาดของคนมีเงิน (ไม่เสมอไป) เพราะถ้าจะมองว่าเมื่อมีเงิน มีกำไร มีรายได้ก็ต้องเสียภาษี เรื่องนั้นก็ไม่ผิด แต่จะมาเก็บภาษีแบบเหมารวม ไม่สนว่ากำไร หรือขาดทุน แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ยิ่งหากในช่วงที่ภาวะตลาดฯ ไม่ดี การเก็บภาษียิ่งเท่ากับเป็นซ้ำเติมนักลงทุนด้วยซ้ำไป ลองคิดเล่นๆ ขาดทุนไม่พอ ยังถูกรัฐบาลรีดภาษีอีก เจอแบบนี้ใครจะอยากมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย สู้หันไปลงทุนในตลาดทุนที่อื่น ที่ต้นทุนการลงทุนถูกกว่า สบายใจกว่าเยอะ ...
คิดดีๆ ก่อนที่มาตรการนี้จะกลายเป็นอุปสรรคลงทุนของตลาดทุนบ้านเรา