ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัย การลงทุนในบริษัทหรือธุรกิจที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในกลุ่มยางพารา ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก และหากพูดถึงบริษัทในธุรกิจยางพาราในประเทศไทย ‘บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA’ ผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางอันดับหนึ่งของประเทศไทย ถือเป็นผู้เล่นรายสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

ปัจจุบันตลาดยางธรรมชาติถือเป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น สะท้อนจากราคายางแท่งในตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าในประเทศสิงคโปร์ (SICOM) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 ราคายางแท่งแตะระดับ 218.7 เซนต์ต่อกิโลกรัม ซึ่งถือเป็นราคายางพาราสูงสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่ราคาแท่งเฉลี่ยตลอดปี 2567 อยู่ที่ 174.3 เซนต์ต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นกว่า 26.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ด้านอุปทาน การเปิดฤดูกาลกรีดยางช่วยให้มีซัพพลายเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงก่อนจะมีปัญหาน้ำท่วมที่กระทบต่อผลผลิตในบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการซัพพลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิต

STA ในฐานะผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางอันดับหนึ่งของประเทศไทย เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจยางแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มจากการมีสวนยางพาราในประเทศไทย ไปจนถึงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติหลากหลายประเภท อาทิ ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ำยางข้น ในส่วนของธุรกิจปลายน้ำ บริษัทฯ มีการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอย่างถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์ รวมถึงสินค้าสำเร็จรูป อาทิ ท่อไฮดรอลิกแรงดันสูง

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 31,618.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 517.3 ล้านบาท นอกจากนี้ ปริมาณการขายยางธรรมชาติรวมทุกประเภทยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4  โดยในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 380,565 ตัน เพิ่มขึ้น 53.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ STA ยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการขยายธุรกิจและดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในฐานะบริษัทแม่ของ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางอันดับหนึ่งของประเทศไทยและเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลก โดยทั้ง STA และ STGT ต่างมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่ดีเยี่ยม ซึ่งช่วยเสริมสร้างฐานะทางการเงินโดยรวมของกลุ่มบริษัท และสะท้อนถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจ พร้อมสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนถึงความมั่นคงและความยั่งยืนในระยะยาว

จากการที่ STA มีการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรนี้เอง ทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ STA รักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติระดับโลกได้อย่างต่อเนื่อง

ความแข็งแกร่งของ STA ยังได้รับการยืนยันจากทริสเรทติ้ง ที่จัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่ระดับ "A-" พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่มั่นคงและศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว

ล่าสุด STA ได้เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2568 ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน แบ่งเป็น 4 ชุด ดังนี้

- อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.40% ต่อปี

- อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.70% ต่อปี

- อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.85% ต่อปี

- อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี

หุ้นกู้ STA คาดว่าจะเปิดจองซื้อในวันที่ 31 มกราคม และ 3-4 กุมภาพันธ์ 2568 เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จำนวนจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อผ่านธนาคารที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้

- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย (ซึ่งรวมถึง บล.กสิกรไทย ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย)

โดยผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทฯ ได้ที่ www.sritranggroup.com และ Facebook Page Sri Trang Group

คำเตือน : ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน