บทความแนะนำ

หุ้นปันผล Vs หุ้นเติบโต แบบไหนดีกว่ากัน ?

หุ้นปันผล Vs หุ้นเติบโต แบบไหนดีกว่ากัน ?

เมื่อพูดถึงหุ้นปันผล และหุ้นเติบโต เชื่อว่าหลายคน คงจะตัดสินใจได้ยากที่จะพูดได้เต็มปาก ว่าหุ้น 2 ประเภทนี้ แบบไหนดีกว่ากัน และเชื่อว่า ต่อให้เถียงกันแทบตาย คงไม่ได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุด เพราะหุ้นทั้ง 2 ประเภท ต่างมีข้อดี - ข้อด้อย ที่แตกต่างกันออกไป ...

ดังนั้น วันนี้แอดเลยอยากชวนทุกคนมาคุยถึงข้อดี - ข้อด้อย ของหุ้น 2 แบบ ว่า แตกต่างกันอย่างไร และ นักลงทุนประเภทใด ที่เหมาะกับการลงทุนในหุ้นทั้ง 2 แบบนี้แล้วกัน

เพื่อที่จะทำให้การลงทุนของทุกคน มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเลือกลงทุนในหุ้น ที่มีพฤติกรรมคล้ายกับเป้าหมายการลงทุนของตนเองนั่นเอง ...

โดยแอดของเริ่มจากหุ้นปันผลนะ แน่นอนว่า ข้อดีของหุ้นปันผล ก็คือ การจ่ายเงินปันผลใช่ไหมหล่ะ ? ซึ่งการจ่ายปันผล ก็จะทำให้เรามีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากเรามีหุ้นที่จ่ายปันผลบ่อย ไตรมาสละครั้งแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้กระแสเงินสดของเรามีความโฟลว์มากขึ้นด้วยนั่นเอง

นอกจากนี้ หากเราลงทุนในหุ้นปันผลยาว ๆ เหมือนฝากเงินกับแบงก์ แบบไม่คิดอะไรมาก ความเสี่ยงที่เราจะได้รับก็มีแนวโน้มลดลงตามไปด้วย เพราะ ตลท. ได้เปิดเผยสถิติ การจ่ายเงินปันผลของหุ้นทั้งตลาด ช่วงปี 59 - 63 พบว่าให้เงินปันผลเฉลี่ย 3.08% ทีเดียว

เมื่อเห็นข้อดีไปแล้ว ลองมาดูข้อเสียนะ หุ้นปันผลเมื่อเทียบกับหุ้นเติบโตแล้ว แน่นอนว่า การเติบโตของราคาหุ้นอาจสู้ไม่ได้ ตามชื่อของหุ้นที่บอกไว้แล้ว เพราะหุ้นปันผล จะนำกำไรที่ทำได้ มาเน้นให้กับการจ่ายเงินปันผล ทำให้มีกระแสเงินสดเหลือน้อยกว่าหุ้นเติบโตที่จะนำไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ

แถมถ้าเราคิดจะเข้ามาเก็งกำไร ระยะสั้นแต่มาผิดจังหวะก็อาจจะขาดทุนยับเยินได้ เพราะราคาหุ้นปันผล มักปรับตัวลงเเรง หลังจากวันขึ้นเครื่องหมาย XD เพราะถูกขายทำกำไร หลังนักลงทุนส่วนใหญ่รับเงินปันผลไปแล้วนั่นเอง ...

ทีนี้ ลองข้ามมาดูฝั่งหุ้นเติบโตดูบ้าง ข้อดีของหุ้นเติบโต คือ ราคาหุ้น มีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงกว่าหุ้นปันผล ตามการเติบโตของผลการดำเนินงานบริษัท ซึ่งกำไรที่เราได้จากส่วนต่างราคาหุ้น ก็ไม่ต้องเสียภาษี เหมือนการรับเงินปันผลที่ต้องจ่ายภาษี 10% ณ ที่จ่ายด้วยนะ

โดยการสังเกตุว่าหุ้นใดมีคุณสมบัติ เป็นหุ้นการเติบโตที่ดี ก็ต้องพิจารณาจากกระแสเงินสดที่สูงพอต่อยอดธุรกิจ และกำไรสุทธิในอดีตถึงปัจจุบัน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง ...

ส่วนข้อเสียของหุ้นเติบโตเมื่อเทียบกับหุ้นปันผล คือ มีการจ่ายเงินปันผลต่ำกว่า ตามชื่อของหุ้นอยู่แล้ว แถมข้อควรระวังในการซื้อหุ้นประเภทนี้ คือ อัตราการเติบโตของกำไร จะยาวนานหรือ จะอยู่ในระดับสูง ตามที่นักลงทุนคาดหวังหรือไม่ เพราะหากไม่สามารถทำได้ ราคาหุ้นอาจพลิกมาเป็นลบ ทำให้นักลงทุนบางรายอาจเผชิญกับภาวะขาดทุนได้ ...

เอาหล่ะที่เล่ามายาวๆ ก็สรุปได้สั้นๆ ประมาณว่า หุ้นแต่ละแบบก็มีข้อดี - ข้อด้อย ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่า นักลงทุนจะดึงข้อดีของหุ้นประเภทไหน มาใช้ได้ถูกที่ถูกจังหวะ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับตนเอง นั่นแหละนะ วันนี้ ไปก่อนแล้ว บ๊าย บายยย ...







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh