บทความแนะนำ

3 เคล็ดลับ สร้างพอร์ตสุดปัง

3 เคล็ดลับ สร้างพอร์ตสุดปัง

เชื่อว่า นักลงทุนมือใหม่ ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น คงอาจจะงง ๆ หรือสับสนกับการลงทุนอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพราะแน่นอนว่า การเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เวลาจะหยิบจะจับอะไร ก็อาจจะไม่มั่นใจสักเท่าไรนัก

ดังนั้น คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า นักลงทุนมือใหม่ต้องทำการบ้านอย่างหนักในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นหาแหล่งข้อมูลของหุ้นที่สนใจให้ได้มากที่สุด หรือติดตามภาวะตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงถึงกัน และจะส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของเราได้นั่นเอง 

อย่างไรก็ตาม แอดก็ได้พบกับข้อมูลดี ๆ จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่จะทำให้นักลงทุนหน้าใหม่ไม่ต้องทำการบ้านอย่างหนักเกินกว่าที่คิด แต่จะทำอย่างไรให้นักลงทุนหน้าใหม่ สามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ตามแอดมาเลย เดี๋ยวเล่าให้ฟัง .... 

ตลาดหลักทรัพย์ฯ แนะนำว่า การเริ่มต้นสร้างพอร์ตฯที่ดีของนักลงทุนมือใหม่ อาจเริ่มต้นจากการลองศึกษาแนวทาง หรือประสบการณ์ของนักลงทุนรายใหญ่ ๆ ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งจะทำให้เราได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดของพวกเขา โดยที่ไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเจ็บตัวเสียก่อน 

จากผลการวิจัยของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า การสร้างพอร์ตที่ดีของบรรดาเซียนหุ้นทั้งหลาย มักจะมี 3 เคล็ดลับ ดังต่อไปนี้รวมอยู่ด้วยแทบทั้งนั้น 

1.ค้นหาสไตล์การลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง : สไตล์การลงทุนของแต่ละคนนั้นต่างกัน เพราะอุปนิสัยและการใช้ชีวิตของทุกคนไม่เหมือนกัน ความเชี่ยวชาญก็ไม่เท่ากัน ดังนั้น การค้นหารูปแบบการลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นักลงทุนชื่อดังหลายคนต่างค้นพบสไตล์การลงทุนที่เข้ากับตัวเองทั้งนั้น ก่อนจะประสบความสำเร็จ

ยกตัวอย่าง เช่น "วอเร็น บัฟเฟตต์" ปรมาจารย์การลงทุนตามแนวคิด "เน้นคุณค่า" (Value Investing) จนประสบความสำเร็จมาถึงปัจจุบัน พบว่าการปรับการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองจะทำให้เราไม่เบื่อและมีโฟกัสที่ชัดเจนมากขึ้น

การทำเช่นนั้น จะช่วยสร้างความหลงไหลในการลงทุนให้ตัวเราเองได้ง่ายขึ้น ทำให้เราไม่รู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่ชื่นชอบและทำได้นาน อีกทั้งการมีโฟกัสที่ชัดเจน จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จจากการลงทุนได้ด้วย

2.ซื้อหุ้นที่ใช่ ในจังหวะที่เหมาะ : แค่รู้สไตล์การลงทุนที่เหมาะกับตัวเองยังไม่พอ แต่เราต้องรอจังหวะที่เหมาะสมด้วย เพราะแม้เราจะเรียนรู้วิธีการลงทุนจากอาจารย์ที่เก่งแค่ไหน แต่หากมองสถานการณ์การลงทุนไม่ออกก็ไม่มีประโยชน์ 

ยกตัวอย่างการลงทุนแบบนักลงทุนที่เน้นคุณค่า ทั้ง "วอเร็น บัฟเฟตต์" หรือแม้แต่ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" ก็เลือกที่จะรอจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมด้วยกันทั้งนั้น  

โดย "ดร.นิเวศ" เริ่มลงทุนด้วยเงิน 10 ล้านบาท ช่วงปี พ.ศ.2540 โดยเห็นโอกาสที่หุ้นบางตัวมีราคาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่จริง ๆ แล้วไม่ค่อยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพราะกำไรและเงินปันผลไม่ได้ลดลง "ดร.นิเวศน์" จึงกำหนดหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อหุ้นในขณะนั้น ดังนี้

รายได้ไม่ลด, กำไรไม่ลด, หนี้ไม่มี, โอกาสที่ความต้องการสินค้าของบริษัทจะลดลงมีน้อยมาก, ราคาต่ำ แต่จ่ายปันผลสูง และ มีจุดแข็งด้านการตลาด โดยมีมาเก็ตแชร์อันดับ 1 และเป็นผู้นำในตลาดอย่างโดดเด่น 

เมื่อเลือกหุ้นแบบนี้ จะทำให้ได้หุ้นที่มีความเสี่ยงเฉพาะตัวลดลงมาก และเมื่อรวมกันเป็นพอร์ตลงทุน ความเสี่ยงของพอร์ตก็ต่ำ เงินปันผลที่ได้รับก็สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ถ้ายังไม่ขายหุ้นออกไป แม้ไม่ทำงานประจำก็น่าจะพออยู่ได้จากรายได้เงินปันผล และเมื่อเศรษฐกิจกลับมาดี หุ้นเหล่านี้ก็น่าจะมีราคาสูงขึ้นในภายหลังด้วย

หรือหากเป็นนักลงทุนแนวเทคนิค ก็จะสนใจพฤติกรรมราคาหุ้น โดยเฉพาะกราฟราคาหุ้น (Chart) โดยจะอาศัยข้อมูลราคาหุ้นในอดีต ปริมาณการซื้อขาย พร้อมทั้งใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและอินดิเคเตอร์ (Indicator) ต่างๆ ในการทำนายทิศทางราคาหุ้น 

โดยต้องประเมินสถานการณ์และเลือกรูปแบบการซื้อขายที่เหมาะสม ในแต่ละช่วงของภาวะตลาด เพื่อกำหนดจุดเข้าซื้อและจุดขายออกอย่างมีวินัย ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนที่ดีได้นั่นเอง 

3.ทบทวนแผนลงทุนเสมอ : เมื่อตั้งต้นด้วยแผนการลงทุนที่ดีแล้ว แต่เราก็จะปล่อยทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่ได้ จึงต้องหมั่นทบทวนแผนการลงทุนสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่เราเคยใช้ในอดีต อาจใช้ไม่ได้ในภาวะปัจจุบัน 

แต่ไม่ว่าผลตอบแทนพอร์ตลงทุนของเราจะเป็นบวกหรือลบ ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่า ตัวเองไม่เก่ง หรือตัดสินใจเลือกหลักทรัพย์ผิดพลาดไป เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องดูอีกด้วย วิธีการหนึ่งที่จะทำให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า เรามีฝีมือพอใช้ได้หรือไม่นั้น ต้องเปรียบเทียบกับ"เกณฑ์มาตรฐาน" หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า "Benchmark" นั่นเอง

ดังนั้น การพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบก่อนลงทุน และทบทวนแผนการลงทุนสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนและช่วยลดความวิตกกังวลในการลงทุนลงได้ ทีนี้ก็เหลือแค่... เราต้องหมั่นค้นหาบริษัทหรือการลงทุนใหม่ ๆ ด้วย เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการลงทุนที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

และทั้งหมดนี้ก็คือเคล็ดลับดีๆ ในการสร้างพอร์ตการลงทุนสุดปังสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่แอดหยิบข้อมูลดี  ๆ จากตลาดหลักทรัพย์ฯมาแบ่งปันเพื่อน ๆ ทุกคนในวันนี้นะ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนเช่นเดิมเนอะ สำหรับวันนี้ ไปก่อนเนอะ บ๊าย บาย ....







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh