บทความแนะนำ

เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มหุ้น PTT ?

เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มหุ้น PTT ?

ราคาหุ้นกลุ่ม PTT ปีนี้ร่วงแรงเกือบยกครัว โดยนับจากต้นปีถึง 20 ธ.ค. (YTD) พบว่า 5 ใน 7 บริษัทราคาปรับตัวลดลงระดับ 15.56 - 24.48% 

หนักสุดคือ IRPC ราคาหุ้นปีนี้ลดลง 24.48% ตามด้วย PTTGC ลดลง 22.13% ต่อด้วย GPSC ลดลง 19.72% และ PTT หุ้นแม่ลดลง 17.76% รวมถึงน้องใหม่อย่าง OR ที่ลดลง 15.56%ซึ่งราคาช่วงหลังของทั้ง 5 บริษัทไถลลงไปลึกจนทดสอบระดับต่ำสุดรอบกว่า 2 ปี  (มีเพียง  PTTEP ที่ราคาปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 41.1% และ TOP เพิ่มขึ้น 8.08%)  

ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ? 

หากมองผิวเผิน เป็นไปได้ว่าเกิดจากความผันผวนตามสถานการณ์น้ำมันโลก ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ซึ่งตลาดหุ้นทั่วโลกก็ได้รับเอฟเฟกต์เช่นเดียวกัน

แต่พอเจาะไปที่ดัชนีหุ้นไทย ซึ่งปกติหุ้นกลุ่ม PTT จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน (บางทีนำตลาดด้วยซ้ำ) กลับปรับตัวลดลงเพียง 3% กว่า ๆ เท่านั้น ดังนั้นต้องมีปัจจัยอื่นที่มากระทบกลุ่ม PTT แน่ ๆ 

เมื่อสำรวจข้อมูลและสอบถามกูรูได้ออกมาในทางเดียวกันคือหุ้นกลุ่มนี้กำลังมีปัญหาด้านความเชื่อมั่นและธรรมาภิบาล  !!! 

โดยเฉพาะหุ้นแม่อย่าง PTT ที่ถูกรัฐฯ แทรกแซง ปล้นเงินกลางแดดราว 6,000 ล้านบาท เพื่อไปสนับสนุนการตรึงค่าไฟฟ้า (ก่อนหน้านี้ก็โดนดูดไปตรึงราคาน้ำมันแล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท) ขณะที่แว่วมาว่ากำลังจะโดนให้ช่วยตรึงราคา NGV อีกราว 2,682 ล้านบาท 

ถ้าติดตลกหน่อยคงถือได้ว่า PTT เป็น "ตัวตึง" ของรัฐฯ อย่างแท้ทรู ฮ่า ๆ ... ก็แน่ล่ะ กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่มากกว่า 50%

มีคนไปถาม เลขาฯ ก.ล.ต. ว่า การที่ PTT ยอมให้รัฐสูบเงินเพื่อไปสนับสนุนลดต้นทุนค่าไฟฟ้า 6,000 บาท ทำได้หรือไม่ ?

คำตอบคือในทางปฏิบัติสามารถทำได้ เพราะกรณีนี้ถือเป็นอำนาจของบอร์ดบริหาร ซึ่งผู้ถือหุ้นไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจบริหาร นอกจากมีวาระการเพิ่มทุนหรือลดทุนที่จะเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น โดยหลักการกฎหมายมหาชน การบริหารต้องถือเป็นอำนาจของบอร์ด แต่เมื่อมีการประชุมผู้ถือหุ้นของ PTT ผู้ถือหุ้นก็สามารถใช้สิทธิตั้งคำถามข้อข้องใจได้

ประเด็นนี้ไปสร้างความ "เอ๊ะ" ให้บรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุน นำโดย "เครดิต สวิส" ที่ออกบทวิเคราะห์ว่า การบริหารงานของบอร์ด PTT ชุดนี้มีความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาล โดยเฉพาะ "Governance Risks" ที่ยอมให้รัฐดูดเงินไปอย่างง่ายดายโดยไม่ปกป้องผู้ถือหุ้นรายย่อย จนต้องปรับลดคำแนะนำการลงทุนเป็น "Underperform" จาก "Neutral" และลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 30 บาท จาก 42 บาท

การยอมให้รัฐฯ แทรกแซง ถือเป็นความเสี่ยงและยากต่อการวิเคราะห์ถึงแนวโน้มธุรกิจในอนาคต ซึ่งการที่ต้องสนับสนุน 6,000 ล้านบาท ทำให้ต้องปรับคาดการณ์กำไรลง 4-5% ซึ่งไม่สามารถประมาณการได้ว่าจะมีมาอีกหรือไม่ในอนาคต ต่างจากการดำเนินธุรกิจปกติ ที่ยังสามารถประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ได้

PTT ต้องไม่ลืมว่า ตัวเองเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีหน้าที่ดูแลและให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นทุกราย แม้กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถจะมาใช้สิทธิดึงเงินไปใช้จ่ายในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอันจะสร้างการเติบโตและผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นทั้งหมด

ปัญหาความเชื่อมั่นมีพลังค่อนข้างมากนะ โดยเฉพาะในตลาดหุ้น แม้ธุรกิจจะดีหรือใหญ่แค่ไหน แต่หากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นแล้วล่ะก็ ไปต่อยากนะ

แอดลองไปสำรวจข้อมูลการถือหุ้นของรายใหญ่ในกลุ่มนี้พบว่า มีการลดสัดส่วนพอควรเลย โดยเฉพาะ NVDR ซึ่งลดสัดส่วนการถือหุ้น PTT วันปิดสมุด 29 ก.ย.65 เหลือ 5.27% จาก 5.79% ขณะที่ลดสัดส่วนการถือหุ้น IRPC ณ วันปิดสมุด 5 ต.ค.65 เหลือ 7.84% จากเดิม 8.19% และลดสัดส่วนถือหุ้น PTTGC ณ วันปิดสมุด 5 ก.ย.65 เหลือ 7.84% จากเดิม 10.19%

ทั้งนี้ PTT ถูก "กองทุนประกันสังคม" ลดสัดส่วนถือหุ้นด้วย โดย ณ 29 ก.ย.65 เหลือ 1.54% จากเดิม 1.77%

ต้องจับตาดูว่าปิดสมุดช่วงต้นปีหน้าจะเป็นอย่างไร กับการถือหุ้นในกลุ่มนี้......

ประเด็นนี้กลายเป็นว่าหุ้นกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากแอ็คชั่นของผู้ถือหุ้นใหญ่ล้วน ๆ โดย PTT ถือหุ้นใหญ่โดยกระทรวงการคลัง และหุ้นอื่น ๆ ในเครือถือหุ้นใหญ่โดย PTT ราคาเลยพาเหรดกันรูดแบบที่เห็น

หากนับเฉพาะ 5 บริษัทที่ราคาปรับตัวลดลงปีนี้ มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 3.7 แสนล้านบาท (PTT หายมากสุด 1.92 แสนล้านบาท) ซึ่ง 5 บริษัทนี้มีผู้ถือหุ้นรายย่อยรวมกว่า 7.24 แสนราย

ถามว่าราคาลงมาขนาดนี้น่าซื้อเก็บไหม ? เพราะธุรกิจก็ยังไม่เจ๊งสักหน่อย แถมอัตราส่วนทางการเงินต่าง ๆ ดูดีเชียว ล่าสุด 3 บริษัทเทรดต่ำบุ๊คแล้ว PTT มี P/BV อยู่ที่ 0.83 เท่า IRPC อยู่ที่ 0.68 เท่า และ PTTGC อยู่ที่ 0.7 เท่า แถม Dividend Yield ก็เพิ่มขึ้นมาอีกเพราะราคาลดลง และพอเทียบกับราคาเหมาะสมของโบรกเกอร์ไทยหลาย ๆ แห่งที่ยังไม่ได้ปรับประมาณการ ก็ยังมีอัปไซด์ค่อนข้างดี 

อันนี้นักลงทุนต้องประเมินแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจและความเสี่ยงกันให้รอบคอบเอาเองนะจ๊ะ แอดไม่สามารถชี้นำใด ๆ ได้ เพียงแค่นำข้อเท็จจริงมาเสนอเท่านั้นเอง







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh