ใครที่กำลังมองหาเทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจลงทุนในปี 2566 เข้ามาอ่านกันได้เลย !!!

พอดีแอดไปเจอบทวิเคราะห์ของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งประเมินว่า ปีหน้ามีหุ้น 4 ธีมที่น่าสนใจลงทุนระยะยาว ไม่หวั่นแม้ภาวะตลาดหุ้น-เศรษฐกิจจะยังเต็มไปด้วยความไม่แน่แน่ โดยอาศัย "หลักการลงทุนแบบยั่งยืน" จึงอยากนำมาแชร์กัน

รูปแบบการลงทุนดังกล่าวจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) ควบคู่ไปกับผลการดำเนินงานทางการเงิน เพื่อศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างยั่งยืน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย

1.พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) : คาดการณ์ของ "International Energy Agency" พบว่าพลังงานหมุนเวียนจะมาเป็นแหล่งพลังงานหลักแทนที่ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2568 คิดเป็น 1 ใน 3 ของพลังงานทั้งหมด โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ โดย 10 ปีที่ผ่านมา ต้นทุนแผงโซลาร์เซลล์ลดลงถึง 82% ซึ่งมองว่าต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และลมจะลดลง 40 - 50% ในอีก 10 ปีข้างหน้า และเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับต้นทุนที่ต่ำลง คาดว่ากลุ่มธุรกิจนี้จะมีเสถียรถาพด้านผลการดำเนินงานในระยะยาว

2. รถยนต์ไฟฟ้าและห่วงโซ่อุปทาน (Electric Vehicle) : สำนักวิจัยจาก "Goldman Sachs" และ "Deloitte" ประเมินว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 18% และ 29% ในอีก 10 - 20 ปีข้างหน้า และจะมีอัตราเร่งตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ซึ่งการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าและห่วงโซ่อุปทานนั้นมีตั้งแต่ผู้ผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตแบตเตอรี่ ผู้ผลิตชิ้นส่วนในแบตเตอรี่ และการรีไซเคิลแบตเตอรี่

3. ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) : ภาวะสงครามรัสเซีย - ยูเครน ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรทั่วโลกและทำให้พืชผลสำคัญลดลง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น สิ่งนี้ได้ผลักดันให้ผู้นำเข้ากระจายแหล่งอุปทานและมองหาแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มผลตอบแทนด้วยการอาศัยเทคโนโลยีและเครื่องจักรมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทจำนวนมากเพิ่มการลงทุนในการผลิตหรือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งความมั่นคงทางอาหารถถือว่ามีบทบาทสำคัญมากขึ้นอย่างมีนัยในสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันทางการค้าในหลายประเทศ รวมถึงจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความต้องการปริมาณอาหารเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น ธุรกิจอาหารมีบทบาทเพื่อเพิ่มปริมาณอาหารให้มีความเพียงพอกับประชากรโลก

4. การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) : โลกปัจจุบันอยู่ในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบแทบทุกอุตสาหกรรม วิถีชีวิตใหม่ทำให้ผู้คนต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ทั้งการทำงานจากที่บ้าน, การชอปปิงออนไลน์, การทำธุรกรรมทางการเงิน หรือแม้แต่การศึกษาออนไลน์ ส่งผลให้การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก และมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนจากทั่วทุกมุมโลกให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น หมายความว่าองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกจะจัดงบประมาณเพื่อลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้น ผลลัพธ์คือมูลค่าตลาดของธุรกิจด้านนี้จะเติบโตต่อเนื่อง

ถือเป็น 4 เทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในระยะถัดไป และมีความเป็น ESG... 

"แม้ว่าการลงทุนด้วยหลัก ESG จะไม่สามารถการันตีผลตอบแทนที่ดีได้ แต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงและความผันผวนของพอร์ตลงทุนได้ อีกทั้งการลงทุนอย่างยั่งยืนกำลังเป็นเทรนด์การลงทุนในระยะยาวที่กำลังเติบโตมากขึ้น ดังนั้นนี่อาจจะเป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนควรเริ่มหันมาศึกษาและสนใจการลงทุนอย่างยั่งยืน" ประโยคปิดท้ายของบทวิเคราะห์ดังกล่าวของ ตลท. ซึ่งแอดก็แอบเห็นด้วยแบบเห็นภาพเลยนะ...

อย่างไรก็ตามก่อนลงทุนในหลักทรัพย์ใดก็ตาม ต้องประเมินข้อมูลพื้นฐานและแนวโน้มการเติบโตอย่างละเอียด มีการดำเนินธุรกิจในธีมข้างต้นจริง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพราะปัจจุบันหุ้นส่ายปั่น (หัวนักลงทุน) มักใช้ข่าวการเข้าไปเอี่ยวดับธุรกิจกิจฮิตติดเทรนด์เพื่อเรียกแขกดันราคาหุ้น แต่สุดท้ายไม่ได้ทำจริง แถมหลอกเม่าไปติดดอยอีกต่างหาก ต้องระวังให้ดี !!!

-หนึ่งเอง หนึ่งไง จะใครล่ะ ^^