บทความแนะนำ

หุ้น Vs กองทุนรวม เลือกลงทุนอันไหนดี ?

หุ้น Vs กองทุนรวม เลือกลงทุนอันไหนดี ?

ในยุคปัจจุบัน การฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ เเละหวังให้เงินก้อนนั้นงอกเงยขึ้นมาคงเป็นเรื่องยากน่าดู เนื่องจากอัตราผลตอบแทนดอกเบี้ย ณ ตอนนี้ อยู่ในระดับที่ต่ำเหลือเกิน แม้ในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังพลิกเป็นเทรนด์ขาขึ้นก็ตาม 

ดังนั้น การนำเงินบางส่วนไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากให้เงินของตัวเองงอกเงยขึ้นมาบ้าง ซึ่งบางคนก็มองว่าหุ้น น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับตนเองมากกว่า แต่สำหรับบางคนก็มองว่า กองทุนรวมนั้นก็เหมาะกับตนเองมากกว่าเช่นกัน เพราะมีอัตราความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น 

วันนี้ แอดฯเลยอยากนำทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มาเปรียบเทียบให้ทุกคนเห็นภาพมากขึ้นนะ ว่าแท้จริงแล้ว แต่ละคนเหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์ใดมากกว่ากัน หากรู้จัก 2 สินทรัพย์ดังกล่าวมากขึ้นแล้ว

*** ทำความรู้จักหุ้นก่อน ! 

โดย จะเริ่มต้นเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างหุ้น กับ กองทุนรวมก่อนเลยเนาะ เริ่มจากหุ้นก็คือ หลักทรัพย์ที่แสดงความเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งในบริษัทนั้น ๆ โดยราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงได้จากหลายปัจจัย

เช่น ผลประกอบการของบริษัท, สภาวะเศรษฐกิจความคาดหวังของนักลงทุน เป็นต้น หรือหากพูดแบบให้เข้าใจง่าย ๆ สมมติว่าเราอยากเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ ๆ สักธุรกิจ เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำธุรกิจเหล่านั้นเอง

เพราะการเปิดกิจการเองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีเงินทุนในการตั้งกิจการ ต้องซื้อวัตถุดิบในการผลิตสินค้า ต้องจ้างพนักงาน ต้องทำการตลาด และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เราสามารถนำเงินไปลงทุนในหุ้นธุรกิจต่าง ๆ ที่เราใฝ่ฝันได้ผ่านตลาดหุ้น

โดยเงินลงทุนตั้งต้นที่ใช้ก็น้อยกว่า แถมไม่ต้องบริหารกิจการเอง ให้ผู้บริหารของกิจการเหล่านั้นซึ่งมีความรู้ความสามารถในธุรกิจนั้น ๆ อยู่แล้วเป็นคนบริหาร ส่วนนักลงทุนอย่างเราก็รอรับเงินปันผลเมื่อกิจการมีกำไร

*** แล้วกองทุนรวมหล่ะ ?

ขณะที่ กองทุนรวม คือ การระดมเงินจากเหล่านักลงทุนหลาย ๆ คน นำไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เพื่อจัดตั้งกองทุนเหล่านั้นขึ้นมา โดยมีผู้จัดการกองทุน เป็นคนที่คอยบริหารการลงทุนให้นั่นเอง 

ข้อดีหลัก ๆ ของกองทุนรวม คือ มีหลากหลายนโยบายการลงทุนให้เลือก ทั้งหุ้น, ตราสารหนี้, อสังหาริมทรัพย์, โครงสร้างพื้นฐาน, ทองคำ, น้ำมัน เป็นต้น จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงได้ 

อีกทั้งการลงทุนในกองทุนรวม ยังใช้เงินลงทุนไม่มาก แค่เพียง 500 บาท ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้แล้ว สำหรับบางกองทุน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกองทุนรวมด้วยนะ 

*** ระวังความเสี่ยงอะไรบ้าง ?

เมื่อทำความรู้จักกับทั้ง 2 สินทรัพย์ดังกล่าวไปแล้ว ทีนี้เราลองมาส่องดูความเสี่ยงของทั้งหุ้น และกองทุนรวมกันมั่งนะ ว่า ทั้ง 2 สินทรัพย์ มีความเสี่ยงอะไรที่ต้องระมัดระวังบ้าง 

โดยข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ระบุว่า ความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้น จะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดหุ้นในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งหากบรรยากาศ (Sentiment) ในการลงทุนในช่วงนั้น ถูกกดดันทั้งตลาดหุ้นจากปัจจัยใด ๆ ก็ตาม ก็อาจทำให้ราคาหุ้นที่เราถือลงทุนอยู่นั้นปรับตัวลงได้ แม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวเต็ม ๆ ก็ตาม

ยกตัวอย่าง การแพร่ระบาดโควิด-19 ใหม่ ๆ ในช่วงปี 63 ที่ทำให้ราคาหุ้นทั้งกระดานปรับตัวลงทั้งหมด เพราะกังวลต่อปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากเป็นวิกฤติใหม่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงส่งผลเสียต่อผลตอบแทนราคาหุ้นนั่นเอง

ส่วนความเสี่ยงของการลงทุนในกองทุนรวม เกิดจากภาวะตลาดเช่นกัน ซึ่งปัจจัยนี้จะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ, การเมือง หรือสังคม ที่อาจส่งผลต่อภาคธุรกิจ จนทำให้ภาวะตลาดเปลี่ยนแปลงไปจนมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่กองทุนได้ลงทุนไว้

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงทางธุรกิจ ที่เกิดจากการดำเนินงานของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ (หุ้น) เนื่องจากผลการดำเนินงานหรือฐานะการเงินรวมทั้งความสามารถในการทำกำไรและนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทผู้ออกหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อราคาซื้อ/ขายหุ้น ได้เช่นกัน 

*** ได้รับผลตอบแทนอย่างไร ? 

ทีนี้ เราจะมาต่อกันในเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุนบ้างนะ เริ่มจากการลงทุนในหุ้นก่อน โดยเรามีโอกาสได้รับทั้ง เงินปันผล (Dividend) หากบริษัทที่เราลงทุนมีผลประกอบการที่ดีและมีการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุน รวมถึงมีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น (Capital Gain) จากการขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมาตอนแรก

ขณะที่ การลงทุนในกองทุนรวม ก็เปิดโอกาสในการรับผลตอบแทนลักษณะเดียวกับการลงทุนในหุ้น คือ มีทั้งในรูปของเงินปันผล หากกองทุนที่เราลงทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผล และในรูปกำไรส่วนเกินมูลค่าหน่วยลงทุน เมื่อขายคืนหน่วยลงทุนให้กับบริษัทจัดการในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมาตอนแรก

*** สรุป"หุ้น" - "กองทุน" เหมาะกับใคร ?

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าทุกคนคงทำความรู้จักกับทั้งหุ้น และกองทุนรวมกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนกันแล้ว ซึ่งก่อนจะจากกันไป แอดฯก็จะขอฉายภาพให้ชัดขึ้นแล้วกันว่า อุปนิสัยของแต่ละคนเหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์ใดมากกว่ากัน ?

เริ่มจากหุ้นก่อนนะ ก็จะเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และมีเวลาศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน หรือ ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในแต่ละช่วง เป็นต้น 

ส่วนการลงทุนในกองทุนรวม เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ทุกระดับ เนื่องจากมีหลากหลายสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเหมาะกับคนไม่ค่อยมีเวลาจัดการพอร์ตลงทุน แต่ต้องการให้มืออาชีพคอยบริหารจัดการลงทุนให้ตลอดเวลา

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าเราจะตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ตาม พึงละลึกไว้เสมอว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่เราจะเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงกว่าเดิม หากเราเลือกการลงทุนที่ไม่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้

-ขอบคุณข้อมูลจาก บล.กรุงศรี







บทความอื่นๆที่น่าสนใจ



RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh