หากจะเอ่ยถึงบริษัทเอกชนผู้ผลิตไฟฟ้าที่อยู่คู่กับคนไทยและนักลงทุนมายาวนาน หลายคนย่อมนึกถึง บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ขึ้นมาเป็นอันดับแรก ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีที่ EGCO Group ก่อตั้งมาครบ 30 ปีพอดี ซึ่ง "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" จะให้ทุกคนได้รู้จักกับ EGCO Group กันมากขึ้น ว่าตลอด 30 ปีที่ผ่านมานั้น EGCO Group ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อวงการพลังงานของไทยไปแล้วแค่ไหน และกำลังจะก้าวต่อไปในอนาคตอย่างไร
รู้จัก 3 ธุรกิจหลัก ทำให้ EGCO Group ผงาดอยู่แถวหน้า
EGCO Group เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รายแรกของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2535 และเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท เท็ปเดีย เจเนอเรติ้ง บี.วี. จำกัด
EGCO Group ดำเนินธุรกิจบนวิสัยทัศน์ “เป็นบริษัทไทยชั้นนำที่ดําเนินธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืน ด้วยความใส่ใจที่จะธํารงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคม” โดยประกอบธุรกิจในลักษณะโฮลดิ้ง คัมปานี ด้วยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ ดังนั้น รายได้หลักจะมาจากเงินปันผลในบริษัทย่อยและกิจการร่วมค้า ซึ่งประกอบธุรกิจสอดคล้องกับแผนธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป
ในปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป ขยายธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าสู่การเป็นผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานครบวงจร โดยมีประเภทธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- ธุรกิจไฟฟ้า (ธุรกิจกลางน้ำ) เป็นธุรกิจหลักและความเชี่ยวชาญของเอ็กโก กรุ๊ป ซึ่งเป็นรากฐานความแข็งแกร่งขององค์กร ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,079 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวมสูงถึง 1,424 เมกะวัตต์ ทั้งจากชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเซลล์เชื้อเพลิง
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่าง ๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และล่าสุดในสหรัฐอเมริกา การเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งของ EGCO Group เป็นผลมาจากนโยบายการสร้างความสมดุลของพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจไฟฟ้า ทั้งด้านความหลากหลายของเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้า และการกระจายการลงทุนในหลายพื้นที่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปอเมริกา

- ธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน (ธุรกิจต้นน้ำ) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ การดำเนินโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “ทีพีเอ็น” การได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย และนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง
- ธุรกิจ Customer Solution & Startup (ธุรกิจปลายน้ำ) เป็นการต่อยอดธุรกิจหลักด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงาน รวมถึงธุรกิจ New S-Curve ผ่านการลงทุนในบริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม “อินโนพาวเวอร์” และบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน “เพียร์ พาวเวอร์” เป็นต้น
ส่องโอกาสเติบโตของ 3 ธุรกิจหลัก
ธุรกิจพลังงานของเอ็กโก กรุ๊ป ทั้ง 3 กลุ่ม ต่างมีศักยภาพในการเติบโตในมิติที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ธุรกิจไฟฟ้า (ธุรกิจกลางน้ำ) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ยังคงมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ยังมีความต้องการพลังงานจากเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) เพื่อรักษาเสถียรภาพให้ระบบไฟฟ้าควบคู่กัน ในอนาคต EGCO Group ยังคงแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าแบบ Conventional ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา ตลอดจนศึกษาและพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน (Hydrogen to Power) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักและเดินหน้าในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
- ธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน (ธุรกิจต้นน้ำ) ก็มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพราะเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และ LNG ยังมีความสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้าดังเช่นที่กล่าวมา ในขณะเดียวกันก็ได้ศึกษาและพัฒนาเชื้อเพลิงใหม่ เช่น ไฮโดรเจน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดแห่งอนาคตที่เชื่อถือได้และตอบโจทย์การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
- ธุรกิจ Customer Solution & Startup (ธุรกิจปลายน้ำ) เป็นการต่อยอดธุรกิจหลักด้วยการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมไฟฟ้าและธุรกิจ New S-Curve อย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนในบริษัท “อินโนพาวเวอร์” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวเข้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต ธุรกิจนี้มีโอกาสสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เนื่องจากเป็นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงต้องระมัดระวังในการลงทุน
รายได้หลัก ของ EGCO Group มาจากไหน?
รายได้ส่วนใหญ่ของ EGCO Group ยังคงมาจากธุรกิจไฟฟ้าราว 90% โดยมีจุดเด่นเรื่องกระแสเงินสดของบริษัทที่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของบริษัท (ประมาณ 80% ของกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนทั้งหมด) มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) จากโรงไฟฟ้าต่างประเทศมากกว่าโรงไฟฟ้าในประเทศ ดังเช่นในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานจากทรัพย์สินที่ดำเนินการแล้ว (Operating profit of operating assets) จากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 69% และในประเทศคิดเป็น 31% แม้บริษัทจะมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 49% ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด และโรงไฟฟ้าในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 51% หรือพูดได้ว่าเกือบจะเท่ากัน
เดินหน้าองค์กรสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
EGCO Group เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานที่ต้องเผชิญความท้าทายในช่วงเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัย 5 ด้าน หรือ 4D+1E ได้แก่
- Digitalization การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
- Decarbonization กระแสลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- Decentralization การกระจายศูนย์ของแหล่งผลิตพลังงาน
- Deregulation การปรับปรุงกฎระเบียบในด้านต่าง ๆ
- Electrification ความนิยมใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น EGCO Group จึงขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติให้พร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน ภายใต้ทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนด้วยแนวคิด “Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” ด้วยการกำหนดเป้าหมายทั้งระยะกลางและระยะยาว ดังนี้
- เป้าหมายระยะกลาง : เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% และลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Carbon Emission Intensity) ลง 10% ภายในปี ค.ศ.2030
- ส่วนเป้าหมายระยะยาว : บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี ค.ศ. 2050

หากจะให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น อาจจะต้องยกตัวอย่าง โครงการใหม่ ๆ ที่ EGCO Group เข้าไปลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางของบริษัทที่มุ่งไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและสอดคล้องกับยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างชัดเจน เช่น
การเข้าลงทุนใน Apex Clean Energy Holdings, LLC (Apex) บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และขายโครงการพลังงานสะอาดให้กับกลุ่มลูกค้าในตลาดพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ความสำเร็จครั้งนี้เป็นการลงทุนในบริษัทพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรกของ EGCO Group ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ EGCO Group มีส่วนร่วมพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ใหม่ ๆ อีกหลายโครงการ (เช่น โครงการพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน) ในตลาดพลังงานไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งมากกว่า 1,100 กิกะวัตต์

หรือจะเป็นโครงการที่ร่วมกับพันธมิตร และ กฟผ. ศึกษาและพัฒนา “การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน ด้วยเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงชนิดออกไซด์แบบแข็ง (SOFC) และเทคโนโลยีแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (SOEC)” ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าแห่งอนาคต เพราะมีการปลดปล่อยมลพิษทางอากาศและน้ำที่ต่ำมากจนเกือบจะเป็นศูนย์
รวมไปถึงการร่วมจัดตั้ง บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด (Innopower) เพื่อยกระดับงานวิจัยด้านนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นภายในบริษัทในกลุ่ม กฟผ. และที่เกิดจากความร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรมาต่อยอดเชิงพาณิชย์ผ่านหน่วยงาน R&D Spin-off รวมถึงการลงทุนใน Start-up ที่เป็นธุรกิจคลื่นลูกใหม่ของอุตสาหกรรมพลังงาน ยิ่งสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า EGCO Group พร้อมรับมือและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงานได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม และยั่งยืน