ในวิกฤติใหญ่อย่างวิกฤติ COVID-19 รอบนี้
หากเปิดดูพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะพอร์ตหุ้นย่อมใจเสีย เพราะจากตัวเลขในพอร์ตที่เขียวเข้ม ก็กลายเป็นเขียวอ่อน หรือที่แย่กว่านั้น กลายเป็นแดงเถือกเลยก็มี
จนเริ่มคิดว่า...เราปรับพอร์ตก่อนดีมั้ยนะ?
ขอยกตัวอย่างพอร์ตจำลองแบบ DCA
คือซื้อปีละ 1 ครั้ง ๆ ละ 1 แสนบาทตอนต้นปี
เริ่มตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปี 2019 เป็นเวลา 16 ปี
แบ่งเป็น 3 พอร์ต คือ ลงทุนในหุ้น 100% ลงทุนแบบ Asset Allocation (AA) 100% และลงทุนตราสารหนี้ 100%
จะเห็นว่าเมื่อครบ 16 ปี ก็ได้ผลออกมาตามตำราที่บอกว่า High Risk High Return
พอร์ตหุ้นเงินลงทุนโตมากสุด รองลงมาเป็นพอร์ต AA และพอร์ตตราสารหนี้ ตามลำดับ
โดยที่พอร์ตจำลองนี้ผ่านวิกฤติใหญ่ 1 ครั้ง ในปี 2008 คือ วิกฤติซับไพร์ม
ลงทุนสม่ำเสมอ (DCA) ในหุ้น 100% ปีละ 100,000 บาท
แบ่งเป็นการลงทุนใน Large Cap Stocks, International Developed Stocks, Emerging Market Stocks และ Small Cap Stocks อย่างละเท่ากัน 25% หรือ 25,000 บาท

อ้างอิง Annual Asset Class Returns จาก https://novelinvestor.com/asset-class-returns/
ลงทุนสม่ำเสมอ (DCA) ใน Global Asset Allocation 100% ปีละ 100,000 บาท
Global Asset Allocation เป็นการลงทุนในหุ้น 50% (15% large cap stocks, 15% international stocks, 10% small cap stocks และ 10% emerging market stocks), high-grade bonds 40% และสินทรัพย์ทางเลือก 10% (REITs)

อ้างอิง Annual Asset Class Returns จาก https://novelinvestor.com/asset-class-returns/
ลงทุนสม่ำเสมอ (DCA) ใน High Grade Bonds 100% ปีละ 100,000 บาท

อ้างอิง Annual Asset Class Returns จาก https://novelinvestor.com/asset-class-returns/
หากเราลองปรับพอร์ต 2 ปี คือปี 2008-2009 จากหุ้น 100% สลับไป AA หรือตราสารหนี้
จะเห็นว่า เพราะสุดท้ายเมื่อถึงปี 2019 ครบ 16 พอร์ตโตกว่ายังเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ หรือไม่ปรับพอร์ต
ปรับพอร์ตการลงทุนปี 2008-2009 ไป Global Asset Allocation

อ้างอิง Annual Asset Class Returns จาก https://novelinvestor.com/asset-class-returns/
ปรับพอร์ตการลงทุนปี 2008-2009 ไป High Grade Bonds

อ้างอิง Annual Asset Class Returns จาก https://novelinvestor.com/asset-class-returns/
แต่ช้าแต่!!
พอร์ตจำลองนี้ คือการจำลองที่เหตุการณ์ต่าง ๆ หรือวิกฤติเกิดขึ้นไปแล้ว
แต่บนโลกแห่งความเป็นจริง หากจะปรับพอร์ต คนส่วนใหญ่เลือกจะปรับพอร์ตเมื่อเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ จะปรับพอร์ตเพียงปีเดียวในปี 2009
ปรับพอร์ตการลงทุนเฉพาะปี 2009 ไป Global Asset Allocation

อ้างอิง Annual Asset Class Returns จาก https://novelinvestor.com/asset-class-returns/
ปรับพอร์ตการลงทุนเฉพาะปี 2009 ไป High Grade Bonds

*อ้างอิง Annual Asset Class Returns จาก https://novelinvestor.com/asset-class-returns/
หากปรับพอร์ตเพียงปีเดียวในปี 2009 สุดท้ายแล้วเมื่อครบ 16 ปี ในปี 2019 จะเห็นว่าพอร์ตกลับโตน้อยกว่าหากเราเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ คือยังเลือกที่จะลงหุ้นในหุ้น 100% แบบ DCA ต่อไป
ดังนั้น จากการจำลองพอร์ตตามข้างต้น
เห็นได้ชัดเจนจากพอร์ตการลงทุนตัวอย่าง สำหรับการลงทุน 14 ปี ที่เริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปี 2019 ที่การลงทุนในหุ้น 100% อย่างสม่ำเสมอ ให้ผลตอบแทนดีที่สุด รองลงมาเป็น Global Asset Allocation และ High Grade Bonds ตามลำดับ
จึงได้ข้อสรุปว่า ไม่จำเป็นหรือไม่ควรปรับพอร์ต หากพอร์ตการลงทุนนั้นเป็นการลงทุนระยะยาว เพราะ “เวลา” จะช่วยลดความผันผวนหรือความเสี่ยง
แต่สามารถปรับพอร์ตได้ หากสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำว่าจะเกิดวิกฤติใหญ่ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังสามารถพลิกโอกาสในวิกฤติ บริหารต้นทุน DCA ให้ถูกลงได้อีกด้วย
ภาวะวิกฤติ...ปรับพอร์ตหุ้น DCA ดีมั้ยนะ?
ควรปรับ
ถ้าสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดวิกฤติใหญ่
ลดความเสียหายของพอร์ตในช่วงวิกฤติ
ไม่ควรปรับ
ถ้าไม่สามารถคาดการณ์อย่างแม่นยำว่าจะเกิดวิกฤติใหญ่
ปรับพอร์ตช้าไป (หลังเกิดวิกฤติไปแล้ว)
เสียโอกาสได้ต้นทุนถูกในช่วงวิกฤติ
เสียโอกาสได้ผลตอบแทนสูงในปีที่ฟื้นตัว