ถ้าหากคุณอยู่ในวงการของคริปโตเคอเรนซี คุณคงทราบดีว่าการขุด หรือ mining เป็นสิ่งที่สำคัญเนื่องจากการขุด เป็นการตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่าย โดยที่นักขุดจะได้ BTC จากระบบเป็นรางวัล (block reward) หรือ ค่าธรรมเนียมจากผู้ที่ทำธุรกรรมเป็นค่าตอบแทน (transaction fee) การที่ได้ค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งจากระบบ จึงทำให้คนทำธุรกรรมบนเครือข่ายบล็อกเชนไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนมากซึ่งก็เป็นจุดเด่นและข้อดีของบล็อกเชน

แต่ทว่าทุกๆ เหรียญนั้นถูกสร้างขึ้นมาให้มีจำนวนที่จำกัด เพื่อป้องกันปัญหาที่เคยเกิดจากการใช้เงินสด ซึ่งนั่นก็คือเงินเฟ้อหรือ inflation นั่นเอง

ซึ่ง ณ ตอนนี้จำนวนของบิตคอยน์ได้ถูกขุดเป็นจำนวนประมาณ 17 ล้านเหรียญและใกล้ครบ 18 ล้านเหรียญเร็วๆ นี้ ซึ่งก็จะเกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่า “แล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไป?” ถ้าบิตคอยน์ จำนวนที่เหลือถูกขุดออกมาทั้งหมด จะมีผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากน้อยแค่ไหน?

วันนี้เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

อีกนานแค่ไหนเหตุการณ์นี้ถึงจะเกิดขึ้น?

คุณไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะถึงจำนวนเหรียญที่เหลือให้ขุดจะเหลือเพียงแค่ประมาณ 3 ถึง 4 ล้านเหรียญ แต่ด้วยภายในระบบมีโครงสร้างที่ว่า เมื่อมีการขุดเหรียญมากเท่าไหร่ การขุดเหรียญต่อไปจะยากขึ้นเท่านั้น นั่นหมายความว่า “ยิ่งเหรียญบิตคอยน์เข้าใกล้ถึงจำนวน 21 ล้านเหรียญมากเท่าไหร่ การขุดจะมีความยากขึ้นตาม”

อีกทั้งยังมีการ halving หรือการตัดรางวัล BTC สำหรับนักขุดลงครึ่งนึงทุกๆ 210,000 บล็อกที่ถูกสร้างขึ้น ปัจจุบันนักขุดได้รางวัลจำนวน 12.5 BTC ต่อการสำเร็จตรวจสอบธุรกรรมหรือการถอดรหัสบล็อกสำเร็จหนึ่งครั้ง การ halving ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นใน เดือน พฤษภาคม ปี 2020 ซึ่งจะลดรางวัลเหลือ 6.25 BTC ถ้าหากว่าโปโตคอลไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ บิตคอยน์ ทั้งหมดจะถูกขุดออกมาใน ปี 2140 หรือ อีก 121 ปีหลังจากนี้ (อ้างอิงจาก cointelegraph)

ผลกระทบต่อนักขุด

แน่นอนว่าคนที่โดนผลกระทบมากที่สุดจากเหตุการณ์นี้คือนักขุดบิตคอยน์ เมื่อเหรียญทั้งหมดถูกขุดออกมาจะไม่มีเหรียญ BTC ค่าตอบแทนเป็นรางวัลเหมือนในปัจจุบัน จะมีแต่เพียงค่าธรรมเนียมจากเจ้าของธุรกรรมเท่านั้นที่จะเป็นรายได้หลักของเหล่านักขุด

จึงทำให้เกิดเป็นคำถามที่น่าสนใจว่าในตอนนั้นการขุดจะยังสร้างกำไรให้กับนักขุดอยู่ไหม? นักขุดอาจเห็นว่าการขุดบิตคอยน์นั้นไม่คุ้มค่าอีกต่อไป และ หันไปขุดเหรียญอื่นๆ แทน ซึ่งจะนำไปสู่จำนวนการขุดที่น้อยลงหรือค่าตอบแทนจากค่าธรรมเนียมธุรกรรมอาจเพิ่มขึ้นมากพอที่จะทำกำไรให้กับนักขุด

แล้วการที่รายได้หลักของนักขุดมีเพียงค่าธรรมเนียมจะพอจริงหรือ? ไม่มีใครสามารถตอบได้อย่างมั่นใจได้ว่าเพียงพอหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ก็มีความเป็นไปได้ว่าเพียงค่าธรรมเนียมจะเพียงพอสำหรับนักขุด เนื่องจากด้วยมูลค่าของเหรียญที่เพิ่มนั่นขึ้นนั่นก็หมายถึงค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ ยังมีข้อกังวลต่ออีกว่า “ถ้าค่าธรรมเนียมสูงขึ้นจะทำให้คนใช้บิตคอยน์น้อยลงหรือไม่?” เราเชื่อว่าถึงค่าธรรมเนียมจะสูงขึ้นอย่างไรแต่เมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมในระบบปัจจุบันนี้ ธุรกรรมในเครือข่ายบิตคอยน์มีความเป็นไปได้ว่าจะน้อยกว่าอยู่ดี

ผลกระทบต่อราคา

ราคาบิตคอยน์จะมีราคาที่สูงมากขึ้นเนื่องจาก ความจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบจำนวนเหรียญในขณะนั้นกับจำนวนความต้องการการใช้เหรียญ จะส่งผลให้มูลค่าของบิตคอยน์พุ่งสูงขึ้นจากปัจจุบันอย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเพียงความเป็นไปได้เท่านั้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร บิตคอยน์จะยังคงขึ้นแท่นราชาของสกุลเงินดิจิทัล หรือจะมีเหรียญอื่นมาแทนที่? ถ้าเป็นเช่นนั้นราคาอาจไม่ได้สูงตามที่เราคาดคะเนไว้

ทั้งนี้ จำนวนบิตคอยน์เป็นจำนวน ประมาณ 1 ล้านเหรียญถูกเก็บไว้กับคนที่สร้างบิตคอยน์ Satoshi Nakamoto บางทีการที่เขาเก็บเหรียญไว้เป็นจำนวนมาก อาจตั้งใจเก็บไว้เมื่อวันที่ความต้องการบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมาก เมื่อเทียบกับจำนวนของบิตคอยน์

สรุป

ในอนาคตเมื่อเหรียญบิตคอยน์ถูกขุดครบจำนวน 21 ล้านเหรียญ ยังไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น คงต้องรอดูในอีก 100 ปีข้างหน้า บทความนี้ได้รวบรวมไว้เพียงผลกระทบที่เป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม จะต้องมีผลกระทบที่สำคัญต่อสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี อย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย แล้วพวกคุณละคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไม่เหลือเหรียญบิตคอยน์ให้ขุดอีกต่อไป?

ในเมื่อ Bitcoin นั้นมีจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญมีนักลงทุนในประเทศไทยไม่น้อยที่สนใจ ซื้อเหรียญเก็บไว้ใน Bitkub.com และมันก็จะกลับไปเป็นตามหลักการของ Demand และ Supply ยิ่งปริมาณมีจำกัดและมีความต้องการของบิทคอยน์ที่เพิ่มขึ้น ผู้คนก็จะยอมจ่ายในราคาที่แพงขึ้นเช่นกัน ทำให้ราคาของบิทคอยน์สามารถเพิ่มหรือลดลงได้ในอนาคตตามความต้องการนั่นเอง

--------------------------------------------------

โดย บริษัท Bitkub Blockchain Technology