บริษัท จักรไพศาล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ JAK นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ประเภทคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ นำโดยการบริหารของ “วีระพันธ์ จักรไพศาล” กรรมการผู้จัดการ กำลังเดินหน้านำบริษัทฯ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 18 มกราคมนี้ ชูความโดดเด่นของโครงการในมือที่ศักยภาพ และอัตรากำไรสูงถึงระดับ 50% สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1. ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย
บริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในหลากหลายประเภท ทั้งแนวราบ และแนวสูง ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และอาคารชุด
โดยบริษัทมีบริษัทร่วม คือ บริษัท เอ็ม.ที.เอส พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขายโครงการไอดิลล์ เป็นโครงการทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์ ตั้งอยู่ที่อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ซึ่งโครงการไอดิลล์อยู่บนทำเลทองที่ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โครงการของบริษัทฯ เป็นที่ยอมรับทั้งในด้านคุณภาพ และการบริการที่ดี ผู้บริหารอยู่ในพื้นที่จริง มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ พัฒนาโครงการประสบความสำเร็จมายาวนานกว่า 25 ปี และมีเป้าหมายสร้างการเติบโตให้จักรไพศาล เอสเตท เป็นผู้นำทางด้านที่อยู่อาศัยหลังแรกของกลุ่มคนระดับกลางถึงล่างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล จังหวัดสระบุรี และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
2. ขายไอพีโอ 82,709,900 หุ้น คิดเป็น 25.85%
เสนอขายหุ้นไอพีโอ 82,709,900 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.85 ของจำนวนหุ้นสามัญ ที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
3. เคาะราคาไอพีโอ 1.45 บาท
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) ทั้งนี้ ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 1.45 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 22.89 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 15.03 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทก่อนการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ จำนวน 237.29 ล้านหุ้น และคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 30.87 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.05 บาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท หลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ จำนวน 320.00 ล้านหุ้น (Fully Diluted)
หากคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิสำหรับปี 2562 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 33.83 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทก่อนการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ จำนวน 237.29 ล้านหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 10.17 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.14 บาท และคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 13.72 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.11 บาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท หลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ จำนวน 320.00 ล้านหุ้น (Fully Diluted)
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 18 ม.ค.64
หมวดธุรกิจ : อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

4. มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5. นำเงินระดมทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯ
เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ประมาณ 120 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงการ /การเข้าลงทุนในที่ดินเพื่อพัฒนา นำไปชำระคืนหนี้ธนาคาร และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ภายในปี 2564

6. อัตรากำไรสุทธิอยู่ 13.8% (สิ้นก.ย.63)
รายได้ และกำไรสุทธิของ JAK ตั้งแต่ปี 60 - 9 เดือน ปี 63 เป็นดังนี้

อัตรากำไรขั้นต้น : เติบโตเฉลี่ยสูงถึงกว่า 50% ต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560 - 2562)
มีระดับ D/E ณ สิ้นเดือนก.ย.63 อยู่ที่ 0.92 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน ณ สิ้นก.ย.63 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 592.93 ลบ.
หนี้สินรวม : 284.28 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 308.64 ลบ.
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 2.98%
7. หลังไอพีโอ กลุ่มครอบครัวจักรไพศาล ยังถือหุ้นใหญ่ 69.30%
8. โครงการในมือระหว่างการพัฒนาและโครงการในอนาคต
JAK มีโครงการระหว่างการพัฒนาจำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมราว 1,422 ล้านบาท ได้แก่
1. โครงการ เฟิร์น เฟสที่ 2 มูลค่าโครงการ 413 ล้านบาท พัฒนาเป็นทาวน์โฮม ตั้งอยู่ที่ ทางหลวงสาย 7 (มอเตอร์เวย์) จ.ชลบุรี
2. โครงการ Canna มูลค่าโครงการ 422 ล้านบาท พัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์ ทาวเฮ้าส์ และบ้านแฝดชั้นเดียว ตั้งอยู่ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (โรงโป๊ะ)
3. โครงการ Peony & Pine (รังสิต) มูลค่าโครงการรวม 587 ล้านบาท พัฒนาเป็นทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม สูงไม่เกิน 8 ชั้น ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพเพราะที่ดินติดรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีปลายทางบางพูน
โดยทั้ง 3 โครงการ คาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จ จะเริ่มส่งมอบ และทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2564 เป็นต้นไป สนับสนุนรายได้ให้เติบโตแข็งแกร่งในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทฯ มีที่ดินในมือรอการพัฒนาโครงการในอนาคตที่บริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว จำนวน 2 แปลง ได้แก่ ที่ดินอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เนื้อที่ 29 ไร่ และที่ดินตั้งอยู่ที่ซอยนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เนื้อที่ 2 ไร่เศษ ซึ่งเป็นที่ดินตั้งบนทำเลที่มีศักยภาพโดย JAK มีที่ดินเพียงพอสำหรับการพัฒนาในระยะ 3 - 5 ปีข้างหน้า
9. นโยบายการถือหุ้นของผู้บริหาร สัดส่วนการติดไซเรนท์ พีเรียด
กลุ่มครอบครัวจักรไพศาล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยถือหุ้นเกิน 50% ติดไซเรนท์ พีเรียด ทั้งหมด และไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นออกไป
**********************************************************************************