บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด หรือ SCM กำลังจะกลายเป็นธุรกิจเครือข่ายขายตรงรายแรกในตลาดหุ้นไทย หลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในวันที่ 8 ก.ย.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ดำเนินธุรกิจเครือข่ายขายตรง โดยมีโรงงานผลิตของตนเอง
บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด หรือ SCM ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรง (MLM) ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งเป็น 3 กลุ่มได้แก่
1)ธุรกิจเครือข่าย จัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และสินค้าอุปโภคและบริโภค ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ
2)ธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา เช่น การบริหารจัดการทั่วไป การบริหารจัดการนักธุรกิจ การตลาด การบัญชี การวางแผนภาษี ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และธุรกิจรับจัดงานสัมมนา ให้บริการเฉพาะนักธุรกิจซัคเซสมอร์ และตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเท่านั้น
3)ธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า มีกำลังการผลิตประมาณ 15,000 ชิ้นต่อเดือน มีการผลิตสินค้าจำนวน 5 SKUs ได้แก่ F4, Orysamin, Right, Phytaplex และ Vistaplex
2.เคาะราคาไอพีโอ 1.90 บาท คิดเป็น P/E ที่ 13.86 เท่า จากอุตสาหกรรมที่ 16.26 - 37.33 เท่า
SCM กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 1.90 บาทต่อหุ้น โดยพิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท(P/E) ซึ่งราคาไอพีโอคิดเป็น P/E เท่ากับ 13.86 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS)จากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 62 - 30 มิ.ย. 63 ซึ่งเท่ากับ 0.14 บาทต่อหุ้น
โดยปัจจุบันมีบริษัทที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายกับ SCM ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และต่างประเทศ มีทั้งหมด 3 บริษัท และมี P/E ดังนี้
1)บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) (APCO) มี P/E อยู่ที่ 37.33 เท่า
2)บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) (MEGA) มี P/E อยู่ที่ 26.10 เท่า
3)Amway Malaysia Holdings Bhd. (AMW:MK) มี P/E อยู่ที่ 16.26 เท่า
SCM ขายหุ้นไอพีโอ : ทั้งหมดไม่เกิน150,000,000 หุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโอที่อยู่ที่ : 600,000,000 หุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 0.58 บาท/หุ้น (คำนวณ ณ วันที่ 30 มิ.ย.63)
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) วันที่ 8 ก.ย.63
หมวดธุรกิจ : พาณิชย์
3.ผู้จัดการการจัดจำหน่ายมีข้อตกลงไม่รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท 129 ล้านหุ้น
ผู้จัดการการจัดจำหน่ายมีข้อตกลงไม่รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทฯ (Best Effort) จำนวน 129,000,000 หุ้น ส่วนผู้จัดจำหน่ายมีข้อตกลงในการรับประกันการจัดจำหน่ายทั้งจำนวน (Firm underwriting) จำนวน 21,000,000 หุ้น ภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriting Agreement)
ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ไม่สามารถเสนอขายหุ้นจำนวน 150,000,000 หุ้นได้ครบทั้งจำนวน บริษัทฯ จะผิดเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriting Agreement) เนื่องจากการขาดคุณสมบัติเรื่องทุนจดทะเบียนที่น้อยกว่า 300.00 ล้านบาท และเป็นเหตุให้ยกเลิกสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และคืนเงินจองซื้อหุ้นที่เสนอขายให้กับผู้จองซื้อ
ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย โดยไม่รับประกันการจัดจำหน่าย : บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
1) เสนอขายต่อบุคคลที่มีความสัมพันธ์ และ/หรือ พนักงานของบริษัทฯ 15,000,000 หุ้น หรือ 10% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขาย
2)เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 22,500,000 หุ้น หรือ 15% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขาย
3)เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน 112,500,000 หุ้น หรือ 75% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขาย
4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5.นำเงินลงทุนขยายสาขา
บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงินสุทธิประมาณ 269.73 ล้านบาท ไปใช้ดังต่อไปนี้
วัตถุประสงค์การใช้เงิน |
จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ (ล้านบาท) |
เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายสาขาและดำเนินการปรับปรุงบางสาขาที่เช่าอยู่ในปัจจุบัน |
36 |
เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ |
233.73 |
รวม |
269.73 |
6.อัตรากำไรสุทธิอยู่ราว 4-5%
รายได้และกำไรสุทธิของ SCM ตั้งแต่ปี 60 - 62 เป็นดังนี้
|
ปี 60 |
ปี 61 |
ปี 62 |
6M63 |
รายได้(ลบ.) |
1,550 |
1,424 |
1,100 |
417 |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
82 |
70.7 |
59 |
19.5 |
อัตรากำไรสุทธิ(%) |
5.27 |
4.96 |
5.36 |
4.66 |
รายได้ที่ลดลงต่อเนื่องเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศทำให้จำนวนนักธุรกิจเครือข่ายลดลง และนักธุรกิจรุ่นใหม่ยังไม่มีความสามารถเทียบเท่านักธุรกิจรุ่นก่อน นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงด้านข้อกฎหมายในประเทศเมียนมา ทำให้รายได้จากตัวแทนส่งออกลดลง
7.มี D/E เพียง 0.40 เท่า หนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินหมุนเวียนและเจ้าหนี้การค้า
SMC มีระดับ D/E ณ สิ้นปี 62 อยู่ที่ 0.40 เท่า หนี้สินรวมส่วนใหญ่ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่น หนี้สินตามสัญญาเช่า หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี เป็นหลัก
งบแสดงฐานะการเงิน SMC ณ สิ้นปี 62 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 385 ลบ.
หนี้สินรวม : 109 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 276 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) : 0.40 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 14.72%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) : 23.05%
8.สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 75,920,500 หุ้น หรือ 12.65%
สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 75,920,500 หุ้น หรือ 12.65% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ โดยนับรวมหุ้นที่ผู้มีส่วนร่วมในการบริหารได้รับการจัดสรรหุ้นในส่วนของการจัดสรรให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัทฯ ด้วย