บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อขาย ที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตของทำเลในจังหวัดนนทบุรี กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 17 ธ.ค. นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง มาเป็น 8 เรื่องน่ารู้หุ้น "วิลล่า คุณาลัย" (KUN) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ผู้นำอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายใน จ.นนทบุรี
บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อขาย เน้นพื้นที่ในเขตปริมณฑล โดยเฉพาะอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดยโครงการส่วนใหญ่ของบริษัทฯ มีราคาขายประมาณ 2 – 6 ล้านบาท และมีเนื้อที่โครงการประมาณ 8 – 47 ไร่
กลุ่มลูกค้าหลักของกลุ่มบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าวัยเริ่มทำงาน กลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มเติมที่มีช่วงอายุ 21 - 55 ปี กลุ่มลูกค้าท้องถิ่น (Local) ที่มีความต้องการขยายครอบครัว
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 โครงการจัดสรรที่กลุ่มบริษัทฯ สามารถปิดการขายโครงการได้แล้วตั้งแต่ดำเนินกิจการมีจำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ อีกทั้งยังมีโครงการอยู่ระหว่างการดำเนินการ 7 โครงการ และโครงการในอนาคต 2 โครงการ ดังนี้

2.เคาะราคาไอพีโอ 1.10 บาท/หุ้น คิดเป็น P/E ที่ 10.78 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม
KUN กำหนดราคาเสนอขายไอพีโอครั้งนี้ที่ 1.10 บาท/หุ้น คิดเป็น P/E ที่ 10.78 เท่า(คำนวณจากกำไรสุทธิไตรมาส 4/61 - 3/62 ได้กำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.102 บาท/หุ้น หารด้วยจำนวนหุ้นหลังไอพีโอ 600 ล้านหุ้น) ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายอ้างอิงอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ของบริษัทจดทะเบียนอื่นที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจในลักษณะคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกันดังนี้

KUN ขายหุ้นไอพีโอทั้งหมด 150 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโอที่อยู่ที่ 600 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) 0.50 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชีที่ 0.64 บาท/หุ้น (คำนวณ ณ วันที่ 30 ก.ย.62)
เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 17 ธ.ค. 62
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON)
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด
อันเดอร์ไรท์ : บล.เอเชีย เวลท์ , บล.เอเอสแอล , บล.เคทีบี
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
ประเภทผู้ลงทุน |
จำนวนหุ้นที่เสนอขาย |
สัดส่วนที่เสนอขาย |
ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ |
ไม่เกิน 22,500,000 หุ้น |
15% |
บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ |
ประมาณ 122,182,500 หุ้น |
81.45% |
ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย |
ไม่เกิน 5,317,500 ล้านหุ้น |
3.55% |
3.หลังขายไอพีโอ "กลุ่มนางประวีรัตน์ เทวอักษร" ถือหุ้นใหญ่

4.รายได้-กำไรสุทธิ 9 เดือนปี 62 แซงหน้าปี 61 ทั้งปี
รายได้และกำไรสุทธิ KUN ตั้งแต่ปี 59 - 9 เดือนปี 62 เป็นดังนี้
|
ปี 59 |
ปี 60 |
ปี 61 |
9M62 |
รายได้ |
297 |
450 |
447 |
461 |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
6 |
10.8 |
11.5 |
43 |
อัตรากำไรสุทธิ |
2% |
2.4% |
2.59% |
9.36% |
สาเหตุที่ รายได้ กำไรสุทธิ และอัตรากำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปี 62 สูงกว่าปีอื่นๆอย่างมาก เนื่องจากในปี 60 - 61 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ได้แก่ คุณาลัย บีกินส์ในปี 60 คุณาลัย พอลเลยในปี 61 และคุณาลัย จอยในปี 62 ทำให้มียอดโอนกรรมสิทธ์สูงขึ้นมาตั้งแต่ครึ่งหลังปี 61
5.เตรียมนำเงินระดมทุนใช้พัฒนาโครงการ-ชำระหนี้
KUN มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ ซึ่งมีมูลค่าหลังจากหักค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นประมาณ 155.73 ล้านบาท ไปใช้ดังนี้

6.หุ้นติด Silent Period ทั้งหมด
หุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ของ KUN ติด Silent Period ทั้งหมด
7.มี D/E ที่ 2.17 เท่า ส่วนใหญ่มาจากเจ้าหนี้การค้า - เงินกู้สถาบันการเงิน
สรุปฐานะทางการเงินที่สำคัญ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 – 2561 และงวด 9 เดือน ปี 2562 เป็นดังนี้
ฐานะการเงิน |
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 61 |
ณ วันที่ 30 ก.ย. 62 |
|
ปี 59 |
ปี 60 |
ปี 61 |
|
สินทรัพย์รวม |
801 |
805 |
818 |
913 |
หนี้สินรวม |
564 |
491 |
523 |
625 |
ส่วนของผู้ถือหุ้น |
237 |
314 |
295 |
288 |
หนี้สินส่วนใหญ่มาจาก เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการของกลุ่มบริษัทฯ ในรูปแบบการกู้ยืมสินเชื่อเพื่อดำเนินโครงการ (Project Finance) จากสถาบันการเงิน
อัตราส่วนการเงินที่สำคัญ
|
59 |
60 |
61 |
ม.ค. - ก.ย. 62 |
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) |
2.38 |
1.57 |
1.77 |
2.17 |
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ร้อยละ) |
0.78 |
1.34 |
1.42 |
6.65 |
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ร้อยละ) |
2.49 |
3.92 |
3.80 |
19.72 |
8.นโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40%
บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักเงินสำรองตามกฎหมายในแต่ละปีจากงบเฉพาะกิจการ โดยบริษัทฯ จะพิจารณาการจ่ายเงินปันผลโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก และการจ่ายเงินปันผลนั้นจะต้องไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานตามปกติของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ