บมจ.แอพพลิแคด หรือ APP ด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจกว่า 25 ปี และศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายโซลูชั่นด้านการออกแบบ 3 มิติ และให้บริการอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้ง เป็นพันธมิตรกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ซอฟต์แวร์ Solidworks ซอฟต์แวร์ ArchiCAD เครื่องพิมพ์ 3มิติ Stratasys และเครื่องสแกน 3 มิติ GOM นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีจุดเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ มีรายได้จากบริการ Subscription Service คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 30 ของรายได้รวม ซึ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ (Recurring Income) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนลูกค้าที่ใช้งานที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากในส่วนของยอดขายซอฟต์แวร์ที่เพิ่มขึ้น และลูกค้าเดิมที่ต่ออายุสัญญาบริการ Subscription
APP กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 โดยบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ในการเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาคอาเชียนด้านที่ปรึกษา ให้บริการ และจัดหาเทคโนโลยีดิจิทัลทางด้านออกแบบ เพื่อการผลิตและการก่อสร้างแบบครบวงจร และมีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจ ในการเป็นผู้นำในด้านการให้คำปรึกษา และคัดสรรผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้านออกแบบและผลิต รวมถึงการก่อสร้างในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้สรุปข้อมูลที่สำคัญของบริษัทฯ น้องใหม่จากไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1. ก่อตั้งโดย “ประภาส ตั้งอดุลย์รัตน์”
บริษัท แอพพลิแคด จํากัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2537 โดยนายประภาส ตั้งอดุลย์รัตน์ ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบ โดยเริ่มต้นจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ AutoPLANT ซอฟต์แวร์เขียนแบบระบบงานท่อ 3 มิติ
2. ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายโซลูชั่นด้านการออกแบบครบวงจร
ปัจจุบันประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายโซลูชั่นด้านการออกแบบอย่างครบวงจร ทั้งซอฟต์แวร์สำหรับออกแบบอุตสาหกรรม (MEC) และสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง (AEC) รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้านการออกแบบ 3 มิติ (Hardware) ได้แก่ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) และเครื่องสแกน 3 มิติ ตลอดจนการให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง โดยกลุ่มบริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายจากผู้ผลิตซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์แบรนด์ชั้นนำ ธุรกิจหลักของบริษัทฯ มีดังนี้
- ธุรกิจจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบ เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ได้แก่ ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบอุตสาหกรรม (MEC) ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง (AEC)
- ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการออกแบบ 3 มิติ (ฮาร์ดแวร์) ได้แก่ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) และเครื่องสแกน 3 มิติ (3D Scanner) รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
- ธุรกิจการบริการและฝึกอบรมการใช้งานซอฟต์แวร์ ผ่านบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ดีอีทีไอ จำกัด และบริษัท แรบบิท โปรโตไทป์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด นอกจากนี้ ได้ขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซียผ่าน PT. Indonesia AppliCAD (APP Indo) บริษัทย่อย ซึ่งประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายโซลูชั่นด้านการออกแบบ 3 มิติ ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 67 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
3. ถือหุ้นใหญ่โดย "ประภาส ตั้งอดุลย์รัตน์”
บริษัท แอพพลิแคด จํากัด (มหาชน) หรือ APP มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรก ได้แก่
1. นายประภาส ตั้งอดุลย์รัตน์ ถือหุ้นใหญ่ 80% หลังเสนอขายไอพีโอสัดส่วนจะลดเหลือ 57.14%
2. นายประพฤทธ์ ตั้งอดุลรัตน์ ถือหุ้น 5% หลังเสนอขายไอพีโอสัดส่วนจะลดเหลือ 3.57%
3. นายชิษณุพงศ์ ตั้งอดุลย์รัตน์ ถือหุ้น 5% หลังเสนอขายไอพีโอสัดส่วนจะลดเหลือ 3.57%
4. นางสาวศิริวรรณ ตั้งอดุลย์รัตน์ ถือหุ้น 5% หลังเสนอขายไอพีโอสัดส่วนจะลดเหลือ 3.57%
5. นางนวพร ตั้งอดุลย์รัตน์ ถือหุ้น 5% หลังเสนอขายไอพีโอสัดส่วนจะลดเหลือ 3.57%
4. รายได้-กำไร เติบโตทุกปี
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2559 - 2561) กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 540.39 ล้านบาท, 563.48 ล้านบาท และ 738.96 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะเดียวกันกำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 21.23 ล้านบาท, 27.73 ล้านบาท และ 75.24 ล้านบาท ตามลำดับ
ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2562 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 569.30 ล้านบาท กำไรขั้นต้นรวมจำนวน 263.98 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 46.89% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 49.59 ล้านบาท คิดเป็นอัตราอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 8.71%
โดย APP มีจุดแข็ง คือ มีรายได้จากการให้บริการที่เกิดขึ้นเป็นประจำ คือ รายได้จากบริการ Subscription Service คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของรายได้รวม ซึ่งเป็นการให้บริการอัพเกรดซอฟต์แวร์ และบริการบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์สามมิติ ที่จะทยอยรับรู้รายได้ตลอดระยะเวลาสัญญาบริการ โดยรายได้ดังกล่าวเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนลูกค้าที่ใช้งานที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณปีละ 10%
5. วัตถุประสงค์การใช้เงิน ส่วนใหญ่เพื่อขยายสาขา
บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงินสุทธิประมาณ 184.01 ล้านบาท ไปใช้ดังต่อไปนี้
วัตถุประสงค์การใช้เงิน |
จำนวนเงินที่คาดว่าจะใช้ (ลบ.) |
ระยะเวลาการใช้เงินโดยประมาณ |
1. ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับใช้ในการสาธิตการใช้งานให้แก่ลูกค้า เช่น เครื่องพิมพ์ 3 มิติ และเครื่องสแกน 3 มิติ |
20.00 |
ภายในปี 2565 |
2. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน |
164.01 |
ภายในปี 2565 |
6. โอกาสโตมีมากสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0
“แอพพลิแคด” มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในด้านการให้คำปรึกษา และคัดสรรผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้านการออกแบบและผลิต รวมถึงการก่อสร้างในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการตื่นตัวการเข้าสู่ยุคดิจิทัลของทั้งภาครัฐ และเอกชน ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย Thailand 4.0 ที่ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้ง กระแสของ Digital Transformation จะยิ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ อย่างมากในอนาคต และนอกจากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยแล้ว บริษัทฯ ยังมีบริษัทย่อยในประเทศอินโดนีเซียที่จดทะเบียนในชื่อ PT. Indonesia AppliCAD ตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่จะช่วยให้กลุ่มบริษัทฯ มีอำนาจต่อรองกับคู่ค้ามากขึ้น อีกทั้ง ช่วยเพิ่มโอกาสในการสรรหาซอฟต์แวร์ และผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ รวมถึง โอกาสในการเติบโตไปในระดับภูมิภาค ซึ่งถือเป็นเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่สำคัญของบริษัท
7. ราคาไอพีโอหุ้นละ 2.46 บาท อิง P/E 10.44 เท่า
บริษัทฯ เสนอขายหุ้นไอพีโอ 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.57% ของหุ้นสามัญทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายในราคาหุ้นละ 2.46 บาท รวมมูลค่าเสนอขาย 196.80 ล้านบาท การกำหนดราคาเสนอขาย ได้ประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) โดยราคา 2.46 บาท คิดเป็น P/E 10.44 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ไตรมาส 4/2561 ถึง ไตรมาส 3/2562)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 5 แห่ง ได้แก่ บล.เอเซีย พลัส จำกัด, บล. โกลเบล็ก จำกัด, บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด และบล. อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
8. นโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายกำหนด โดยการพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท