สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (1 มิ.ย.)ที่ระดับ 32,813.23 จุด ลดลง 176.89 จุด หรือ -0.54% ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 4,101.23 จุด ลดลง 30.92 จุด หรือ -0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับ 11,994.46 จุด ลดลง 86.93 จุด หรือ -0.72%
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดในแดนลบ เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะถดถอยหลังนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมสองครั้งหน้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะบริหารของเฟดที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% ในทุกการประชุมจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2%
ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยมาจากการที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือนเม.ย.ที่ระดับ 11.4 ล้านตำแหน่ง ลดลงจากตัวเลขในเดือน มี.ค.ซึ่งอยู่ที่ 11.85 ล้านตำแหน่ง อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับสูงและเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯอยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน
จากความกังวลของนักลงทุนดังกล่าวได้ทำให้ราคาหุ้นในดัชนีดาวโจนส์ส่วนใหญ่ปรับลดลง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 1.85% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.53%
ทั้งนี้นักลงทุนต้องติดตามการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค. ของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายวันศุกร์นี้ตามเวลาในท้องถิ่น
|