NRF มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 3 พันล้านบาท หลังทุกธุรกิจโตดีกว่าคาด เดินหน้าลุยกัญชา-กัญชง ขยายความร่วมมือพันธมิตรสหรัฐฯเป็นตัวแทนจำหน่ายเทอร์พีนในเอเชีย จ่อผุดโรงงานผลิตเอง นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า บริษัทคาดปีนี้ทำรายได้เพิ่มขึ้นแตะ 3,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 1,444 ล้านบาท เนื่องจากการขยายตัวของทุกธุรกิจดีกว่าคาดไว้ และทำได้ตามเป้าหมายเร็วกว่าที่คาดการณ์เดิมในปี 67 ล่าสุดบริษัทและบริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด (GTH) ได้จับมือกับ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY เพื่อตั้งเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายมากขึ้นและบริษัทจะมีการขยายช่องทางการจำหน่ายอื่นๆต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 65 จะสามารถเพิ่มยอดขายจากการเป็นผู้ผลิตเทอร์พีนเพื่อจำหน่ายได้ถึงระดับ 100 ล้านบาท และคาดว่าภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้าจะขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทและ GTH ยังอยู่ระหว่างการการเจรจาพันธมิตรจากประเทศสหรัฐ ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตเทอร์พีนรายใหญ่ของโลกเพื่อร่วมลงทุนในการขยายตลาดเทอร์พีนในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายและสูตรการผลิตเทอร์ฟีนจาก trueterpenes แล้วและคาดว่าจะลงนามสัญญาทางธุรกิจอย่างเป็นทางการช่วงวันที่ 26 เม.ย.64 นี้ อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่าหากสามารถทำยอดขายได้ถึงระดับ 100 ล้านบาท จะมีการตั้งโรงงานการผลิตภายในประเทศเอง จากปัจจุบันที่ใช้การรับจ้างการผลิตหรือOEM และการซัพพลายสินค้าจากทาง trueterpenes “บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดเทอร์พีน เพราะมองว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มีความต้องการสูง ซึ่งทุกวันนี้คนอาจจะไปโฟกัสเรื่องของCBD จากกัญชง แต่จริงๆ แล้ว ราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น เทอร์พีนก็จะเป็นอีกทางเลือก ซึ่งบริษัทก็มีการเจรจากับพันธมิตรรายใหญ่อยู่ที่จะขยายตลาดเอเชียร่วมกัน จะมีการลงนามสัญญาเร็วๆนี้ และการดึงLOXLEY เข้ามาก็เพื่อขยายช่องทางการจำหน่าย เพราะมีช่องทางการจำหน่ายที่เยอะมาก ทำให้คาดว่าธุรกิจนี้จะโตได้ดี” นายแดน กล่าว นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาสินค้าที่ใช้เทอร์พีน คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีจะเห็นสินค้าใหม่อีกราว 4-5 โปรดักซ์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งนี้สินค้ากลุ่มกัญชงจะจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน (Functional Products) ของบริษัท โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้สัดส่วนรายได้กลุ่มนี้จะอยู่ที่ 25-30% จากปัจจุบันสัดส่วนไม่เกิน 10% ส่วนธุรกิจโปรตีนจากพืช (Plant-based Food) อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรรายใหญ่ 2-3 ราย ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเดือนพ.ค.นี้จำนวน 1 ราย | 
