นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยในงาน "ประกาศเข้าถือหุ้น PMC" ว่า กำไรสุทธิงวดปี 62 จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และรายได้จะเติบโตเกิน 100% จากการรับรู้รายได้ซื้อกิจการกลุ่ม "PMC"
  - ขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการเข้าซื้อกิจการของกลุ่ม PMC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัทพีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรีลส์ จำกัด (PMCT) ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย จำนวน 1 ล้านหุ้น จากตัน ยง เฮง และกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมอีกสองราย รวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 945 ล้านบาท
  - รวมถึงเข้าถือหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัทพี เอ็มซี เลเบิล แมททีเรีลส์ พีทีอี ลิมิเตด (PMCS) ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ จำนวน 2 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 105 ล้านบาท ดังนั้น จะทำให้คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,050 ล้านบาท
  - การเข้าซื้อในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้ และเพิ่มกำไรให้กับบริษัท โดยคาดในปี 62 บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท เติบโต 100% จากงวดปี 61 ที่คาดจะมีรายได้ 600 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นเป็นผลรายได้ปกติของบริษัทปีละประมาณ 600 ล้านบาท และรับรู้รายได้จากกลุ่ม PMC ที่มีรายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี มีรายได้ปีละประมาณ 800 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  - รวมถึงเป็นการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์กาว และผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ เช่น กาวชนิด UV-curable กาวประเภท PU based laminating สติ๊กเกอร์ทนความร้อน สติ๊กเกอร์ประเภท removable
  - นอกจากนี้ จะเป็นการช่วยเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัทสำหรับผลิตภัณฑ์กาวน้ำ และผลิตภัณฑ์กาวหลอมร้อน อีกทั้งจะช่วยทำให้บริษัทสามาถขยายไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้กว้างขึ้นผ่านการผลิตฉลาก และจะช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ และจะเป็นการต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์กาว และผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์
  - ขณะเดียวกัน การที่บริษัทกู้เงินประมาณ 900 ล้านบาท จากสถาบันการเงินเพื่อมาใช้ในการเข้าซื้อกิจการกลุ่ม PMC นั้น ส่งผลให้บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ระดับเกือบ 3 เท่า โดยบริษัทคาดในปี 64 อัตราหนี้สินต่อทุนจะลดลงต่ำกว่า 2 เท่า โดยจะนำเงินที่ได้จากการบริหารมาทยอยชำระภายในระยะเวลา 8 ปี