เปิดสถิติกองทุนรวมปี 62 ส่วนใหญ่ผลตอบแทนเป็นบวก กองทุนหุ้นต่างประเทศ-อสังหาฯ-REIT-น้ำมัน ผลตอบแทนแจ่มสุด เฉลี่ยทะลุ 20% กูรูชี้เป็นทางเลือกหลบภัยหุ้นไทยผันผวน พร้อมเปิดโผ TOP5 กองทุนผลงานแจ่มแต่ละประเภท รีเทิร์นสูงสุดถึง 51%
*** ปี 62 ผลตอบแทนบวกเกือบทุกกลุ่ม
"ชญานี จึงมานนท์" นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลตอบแทนของกองทุนปี 62 เป็นบวกเกือบทุกกลุ่ม โดยมีเพียงกองทุนประเภท ASEAN Equity และ Equity Fix Term เท่านั้นที่ติดลบ 0.29% และ 1.31% ตามลำดับ
ขณะที่มีกองทุนถึง 21 ประเภทที่ทำผลตอบแทนเฉลี่ยเหนือกว่าดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหุ้นไทย หรือ SET TRI ซึ่งอยู่ที่ 4.3% (ราคาหุ้น+ปันผล) โดยมีกองทุน 16 ประเภทที่ให้ผลตอบแทนเเฉลี่ยมากกว่า 10%
ทั้งนี้ กองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ยมากกว่า 20% โดย 3 อันดับแรกคือกองทุนที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี (Global Technology) ผลตอบแทน 26.8%, หุ้นยุโรป (Europe Equity) ผลตอบแทน 26.3% และหุ้นสหรัฐฯ (US Equity) ผลตอบแทน 23.47%
ขณะเดียวกันกองทุนน้ำมัน (Commodities Energy) ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกันเฉลี่ย 23.72% ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันในไตรมาส 4/62
ส่วนกองทุนที่ลงทุนในประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดคือ Property Indirect หรือกองทุนรวมที่ลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 20.67%
ต่างจากกองทุนหุ้นไทยที่ผลตอบแทนต่ำกว่า SET TRI โดยกองทุนหุ้นทั่วไป (Equity General) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.45%, กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large-cap) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 2.5% และกองทุนหุ้นขนาดเล็ก-กลาง (Equity Small/Mid-cap) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.6%
TOP 20 ประเภทกองทุนผลตอบแทนสูงสุดปี 62
|
ประเภทกองทุน
|
%ผลตอบแทน
|
Global Technology
|
26.77
|
Europe Equity
|
26.27
|
Commodities Energy
|
23.72
|
US Equity
|
23.47
|
China Equity
|
21.94
|
Global Infrastructure
|
20.98
|
Property Indirect
|
20.67
|
Global Health Care
|
19.8
|
Global Equity
|
19.53
|
Property Indirect Global
|
19.45
|
Japan Equity
|
18.2
|
Emerging Market Equity
|
14.62
|
Global Allocation
|
12.53
|
Foreign Investment Equity Fix Term
|
11.84
|
Commodities Precious Metals
|
11.61
|
Asia Pacific ex-Japan Equity
|
10.04
|
Emerging Market Bond
|
9.9
|
Global High Yield Bond
|
7.37
|
Global Bond
|
6.22
|
Global High Yield Bond Fix Term
|
4.92
|
*** TOP5 กองทุนหุ้นต่างประเทศ
สำหรับกองทุนหุ้นต่างประเทศที่ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่
TOP5 กองทุนหุ้นต่างประเทศปี 62
|
ชื่อกองทุน
|
ชื่อย่อ
|
%ผลตอบแทน
|
กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้ ชนิดสะสมมูลค่า
|
KFACHINA-A
|
51.32
|
กองทุนเปิดเค ไชน่า คอนโทรล โวลาติลิตี้
|
K-CCTV
|
39.26
|
กองทุนเปิดทหารไทย China Opportunity
|
TMBCOF
|
39.09
|
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยุโรปสมอลแคป
|
SCBEUSM
|
38.52
|
กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอคควิตี้
|
KT-PRECIOUS
|
37.04
|
จากตาราง 3 อันดับแรกลงทุนในหุ้นจีน โดย "กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้ชนิดสะสมมูลค่า" ให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 51.32%
*** TOP5 กองทุนหุ้นในประเทศ
ด้านกองทุนหุ้นในประเทศแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กองทุนหุ้นทั่วไปที่ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
TOP5 กองทุนหุ้นทั่วไป (Equity General) ปี 62
|
ชื่อกองทุน
|
ชื่อย่อ
|
%ผลตอบแทน
|
กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์
|
TSF
|
16.14
|
กองทุนเปิด KTAM SET ICT ETF Tracker
|
EICT
|
15.38
|
กองทุนเปิดธนชาตพริวิเลจ
|
T-Privilege
|
11.28
|
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส
|
SCBLT2
|
10.97
|
กองทุนเปิด ทิสโก้ ดิวิเดนด์ ซีเล็ค อิควิตี้
|
TISCODS
|
10.47
|
2.กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ที่ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
TOP5 กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Lage-Cap) ปี 62
|
ชื่อกองทุน
|
ชื่อย่อ
|
%ผลตอบแทน
|
กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET100 ETF
|
TH100
|
19.51
|
กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร
|
K-ICT
|
17.89
|
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนปันผล
|
SCBDV
|
8.88
|
กองทุนเปิด เคเอ เอควิตี้
|
KAEQ
|
8.4
|
กองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน
|
TISCOHD
|
5.37
|
3.กองทุนหุ้นขนาดเล็ก-กลางที่ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
TOP5 กองทุนหุ้นขนาดเล็ก/กลาง (Equity Small/Mid-cap) ปี 62
|
ชื่อกองทุน
|
ชื่อย่อ
|
%ผลตอบแทน
|
กองทุนเปิด แอสเซทพลัส สมอล แอนด์ มิด แคป อิควิตี้
|
ASP-SME
|
15.16
|
กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap
|
KTMSEQ
|
11.71
|
กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน
|
TLMSEQ
|
10.57
|
กองทุนเปิดภัทร SMALL AND MID CAP EQUITY
|
PHATRA SM CAP
|
6.81
|
กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้
|
TISCOMS
|
6.59
|
ทั้งนี้กองทุนหุ้นไทยที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดทั้ง 3 กลุ่ม ถือหุ้นสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่
พอร์ตกองทุนหุ้นไทย
|
ชื่อย่อกองทุน
|
ชื่อย่อหุ้น 5 ตัวแรกของพอร์ตที่ถือสูงสุด
|
TSF
|
MTC
|
AOT
|
M
|
INTUCH
|
BTS
|
TH100
|
PTT
|
AOT
|
CPALL
|
ADVANC
|
PTTEP
|
ASP-SME
|
JMT
|
TISCO
|
NETBAY
|
SAWAD
|
VGI
|
*** TOP5 กองทุนตราสารหนี้
ฟากกองทุนตราสารหนี้ที่ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
TOP5 กองทุนตราสารหนี้ปี 62
|
ชื่อกองทุน
|
ชื่อย่อ
|
%ผลตอบแทน
|
กองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ
|
ABFTH
|
17.87
|
กองทุนเปิดเค เอเชีย แปซิฟิก บอนด์
|
K-APB
|
15.54
|
กองทุนเปิดเคแทม แคปปิตอล ซีเคียวริตี้ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า
|
KT-CSBOND-A
|
14.42
|
กองทุนเปิดกรุงศรีอีเมอร์จิ้งโลคอลอินเวสเม้นท์
|
KF-ELI
|
12.79
|
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่
|
SCBEMBOND
|
11.93
|
"ชญานี จึงมานนท์" ระบุว่า กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศ โดยกลุ่ม Emerging Market Bond ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุด 9.9% ตามมาด้วย Global High Yield Bond ผลตอบแทน 7.4% และ Global Bond ที่ 6.2% ขณะที่กลุ่มตราสารหนี้ระยะสั้นของไทยมีผลตอบแทนเฉลี่ย 2.5% และตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาวอยู่ที่ 3.5%
*** TOP5 กองทุนน้ำมัน
สำหรับกองทุนน้ำมันที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
TOP5 กองทุนน้ำมันปี 62
|
ชื่อกองทุน
|
ชื่อย่อ
|
%ผลตอบแทน
|
กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส ออยล์
|
TUSOIL
|
29.56
|
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออยล์
|
SCBOIL
|
28.47
|
กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟันด์
|
I-OIL
|
27.13
|
กองทุนเปิดเค ออยล์
|
K-OIL
|
26.91
|
กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์
|
TISCOOIL
|
25.38
|
*** TOP5 กองทุนอสังหาฯ - REIT
ด้านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ REIT ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
TOP5 กองทุนอสังหาฯ-REITs
|
ชื่อกองทุน
|
ชื่อย่อ
|
%ผลตอบแทน
|
กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา
|
CTARAF
|
29.67
|
กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา
|
URBNPF
|
28.53
|
กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้
|
QHOP
|
27.73
|
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล
|
LHHOTEL
|
26.52
|
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิฃดาธานี
|
MNIT
|
15.51
|
*** TOP5 กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ส่วนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดได้แก่
TOP5 กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF)
|
ชื่อกองทุน
|
ชื่อย่อ
|
%ผลตอบแทน
|
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย
|
TFFIF
|
20.11
|
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล
|
DIF
|
17.71
|
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1
|
EGATIF
|
14.37
|
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน
|
JASIF
|
1.54
|
ทั้งนี้ปัจจุบันมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั้งสิ้น 7 กอง โดยปี 62 มีกองฯ ที่ผลตอบแทนเป็นบวกเพียง 4 กองเท่านั้น ที่เหลือผลตอบแทนติดลบ
*** กูรูแนะลุยกองทุนหุ้น ตปท.-อสังหาฯ - REIT หลบหุ้นไทยผันผวน
"ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ" รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง แนะนำว่า กองทุนรวมเป็นตัวเลือกที่ดีในภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวน เพราะมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารพอร์ตตลอดเวลา และมักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด โดยเน้นกองทุนหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และเวียดนาม เพราะยังมีโอกาสเติบโตสูง ขณะที่กองทุนอสังหาฯ และ REIT มีความน่าสนใจสูง หลังส่วนต่างอัตราผลตอบแทนระหว่างดัชนีกองทุนรวมอสังหาฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี อยู่ระดับ 3.28% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4 ปี 1.6 เท่า
ขณะที่ "ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ ระบุว่า กองทุนอสังหาฯ และ REIT ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากธนาคารกลางประเทศหลัก ๆ จะยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายไปอีกระยะ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลบวกต่อกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนควรมีสินทรัพย์ประเภทนี้อยู่ในพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะหุ้นไทย
ด้าน "สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล" ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาบริหารเงินลงทุน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า นักลงทุนควรมีกองทุนอสังหาฯ และ REIT อยู่ในพอร์ต เนื่องจากมีผลตอบแทนและเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น ขณะที่กองทุนหุ้นต่างประเทศก็น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่และหุ้นเทคโนโลยี เนื่องจากมีอัพไซด์การเติบโตสูงต่อเนื่อง