พบ 12 หุ้นมาร์เก็ตแคปเกินหมื่นล้าน P/E ทะลุ 50 เท่า หลังนักลงทุนแห่เก็งกำไรคึกคัก จนใกล้เต็ม-เกินมูลค่าพื้นฐาน สะท้อนจากแรงขายเริ่มปรากฏ 1 เดือนหลังสุดราคาดิ่งถึง 10 บริษัท สูงสุด 20% กูรูคาดใกล้หมดรอบ แนะระมัดระวังลงทุน
*** พบ 12 หุ้นบิ๊กแคป P/E เกิน 50 เท่า
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ณ วันที่ 18 ก.พ.63 พบ 12 หุ้นขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) เกิน 1 หมื่นล้านบาท มีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) เกิน 50 เท่า มากกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปเกิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ที่ระดับเพียง 24 เท่า ประกอบด้วย
หุ้นบิ๊กแคป P/E เกิน 50 เท่า
|
ชื่อย่อหุ้น
|
มาร์เก็ตแคป (ลบ.)*
|
P/E (เท่า)*
|
AWC
|
179,200.00
|
212
|
GGC
|
11,567.43
|
123
|
CIMBT
|
19,848.69
|
100
|
GULF
|
401,060.40
|
88
|
CKP
|
33,330.47
|
88
|
BGRIM
|
144,682.95
|
71
|
KTIS
|
15,285.60
|
60
|
VGI
|
73,194.91
|
55
|
GPSC
|
213,594.50
|
53
|
TRUE
|
126,799.14
|
52
|
TQM
|
25,050.00
|
52
|
THG
|
20,123.20
|
50
|
*ข้อมูล ณ 18 ก.พ.63
|
บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เป็นหุ้นบิ๊กแคปที่พี/อีสูงสุดถึง 212 เท่า โดยเป็นน้องใหม่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อ 10 ต.ค.62 ด้วยราคาไอพีโอ 6 บาท ซึ่ง ณ ราคาดังกล่าวมีพี/อีสูงถึง 277.6 เท่า
ขณะที่หุ้นโรงไฟฟ้าติดโผสูงสุดถึง 4 บริษัท โดย บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) มีพี/อีสูงสุดในกลุ่มนี้ที่ระดับ 88 เท่า ขณะเดียวกันเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดจาก 12 บริษัทข้างต้นถึง 4 แสนล้านบาท
*** นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้นใหญ่คึกคัก
"มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) เผยว่า ช่วงระยะหลังที่หุ้นไทยผันผวน พฤติกรรมนักลงทุนเปลี่ยนไป โดยเน้นเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่มากกว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เนื่องจากธุรกิจมีความมั่นคงกว่าเพื่อลดความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัทราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และทำให้พี/อีปรับตัวสูงขึ้น
"ระยะหลังสายเทรดเดอร์มักเน้นเล่นหุ้นใหญ่มากกว่าหุ้นเล็ก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังตลาดหุ้นไทยผันผวนต่อเนื่อง โดยมองว่าเน้นเล่นหุ้นใหญ่ขาขึ้นจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็ก โดยไม่ได้สนใจว่าราคาหุ้นถูกไล่ขึ้นจนพี/อีสูง และใกล้เต็มหรือเกินมูลค่าเหมาะสมไปแล้ว สังเกตได้จากหลายบริษัทราคาหุ้นต้นปีนี้ดีดขึ้นทำจุดสูงสุดระดับที่มากกว่าราคาซื้อขายเฉลี่ยทั้งปีก่อนเกือบทั้งสิ้น ทั้ง ๆ ที่หุ้นส่วนใหญ่ในกระดานได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดผันผวน" มงคล กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นทั้ง 12 บริษัท พบว่า มีถึง 10 บริษัทที่ราคาซื้อขายปีนี้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดมากกว่าราคาซื้อขายเฉลี่ยปีก่อนทั้งปีมากกว่า 10% สูงสุดถึง 36%
ราคาเฉลี่ยหุ้นบิ๊กแคปปี 62 VS ราคาสูงสุดปี 63
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาเฉลี่ยปี 62 (บ.)
|
ราคาสูงสุดปี 63 (บ.)
|
เพิ่มขึ้น (%)
|
GPSC
|
72.23
|
98.25
|
36
|
CKP
|
4.12
|
5.05
|
23
|
GGC
|
11.6
|
13.9
|
20
|
TRUE
|
3.87
|
4.62
|
19
|
BGRIM
|
59.41
|
69.25
|
17
|
TQM
|
77.47
|
90
|
16
|
VGI
|
8.76
|
9.9
|
13
|
CIMBT
|
0.63
|
0.71
|
13
|
THG
|
26.14
|
29
|
11
|
AWC
|
5.64
|
6.25
|
11
|
GULF
|
191
|
203
|
6
|
KTIS
|
4.06
|
4.22
|
4
|
*** หมดแรงเก็งกำไร 1 เดือนหลังสุด 10 บจ.ราคาดิ่ง
อย่างไรก็ตามเมื่อสำรวจความเคลื่อนราคาหุ้นช่วง 1 เดือนหลังของ 12 บริษัท พบว่ามีถึง 10 บริษัทที่ราคาปรับตัวลดลง ประกอบด้วย
10 หุ้นบิ๊กแคปพีอีสูงราคาดิ่ง
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาล่าสุด
|
%chg 1 เดือนหลัง
|
ราคาเฉลี่ย YTD (บ.)
|
ราคาเหมาะสม (บ.)*
|
GPSC
|
74.75
|
-20.27%
|
86.48
|
82
|
BGRIM
|
52.75
|
-18.85%
|
59.45
|
52.5
|
THG
|
23.2
|
-13.27%
|
26.14
|
30.5
|
GGC
|
11.7
|
-12.03%
|
12.5
|
13
|
VGI
|
8.15
|
-11.89%
|
9
|
10.3
|
TRUE
|
3.7
|
-8.42%
|
4.04
|
5.15
|
GULF
|
182
|
-7.85%
|
189
|
170
|
KTIS
|
3.96
|
-4.35%
|
4.1
|
n/a
|
CKP
|
4.12
|
-4.19%
|
4.34
|
n/a
|
AWC
|
5.65
|
-2.59%
|
5.77
|
n/a
|
*ราคาเหมาะสมเฉลี่ยจาก IAA Consensus ณ 18 ก.พ.63
|
ทั้งนี้ มีถึง 5 บริษัทที่ราคาปรับตัวลดลง 1 เดือนหลังมากกว่า 10% และทั้ง 10 บริษัทราคาล่าสุดต่ำกว่าราคาซื้อขายเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี (Year to date) ทั้งสิ้น โดย บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ราคาปรับตัวลดลงสูงสุด 20.27% ซึ่งราคาล่าสุดอยู่ที่ 74.75 บาท ต่ำกว่าราคาซื้อขายเฉลี่ย YTD ที่อยู่ระดับ 86.48 บาท
ขณะที่เมื่อเทียบราคาซื้อขายเฉลี่ยกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของ IAA Concensus ณ 18 ก.พ.63 มีถึง 3 บริษัทที่เกินมูลค่าไปมากแล้ว ได้แก่ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC), บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM), บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ส่วนที่เหลือมีอัพไซด์ไม่มาก และบางบริษัทมีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/62 ไม่ดีมากนัก ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งให้มีแรงขายออกมาและทำให้ราคาล่าสุดปรับตัวลดลง
*** กูรูคาดใกล้หมดรอบเก็งกำไรหุ้นใหญ่
"ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" นักลงทุนหุ้นคุณค่า (VI) ประเมินว่า ระยะหลังพบพฤติกรรมการเข้าเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นธุรกิจพื้นฐาน ถูกคาดหวังการเติบโตของกำไรสูง เพราะส่วนใหญ่กำลังขยายธุรกิจไปต่างประเทศ แต่ผลประกอบการที่ผ่านมากลับอยู่ในระดับปานกลาง-ดี ไม่ได้โดดเด่นมากนัก จนทำให้พี/อีปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าที่จะเป็นบางบริษัทมากกว่า 50 เท่า บางบริษัทเกิน 100 เท่า โดยน่าเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดคำว่า "จบรอบ" เหมือนหุ้นขนาดกลาง-เล็กในอดีตที่ขายความเป็นหุ้นเติบโต
"คงต้องดูกันว่าหุ้นกลุ่มนี้จะมีคำว่าจบรอบเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในหุ้นกลุ่มอื่นๆ ในอดีตหรือไม่ และจะเกิดขึ้นเมื่อไร โดยประสบการณ์บอกผมว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะดูระดับราคาของหุ้นและสตอรี่ต่าง ๆ ที่คาดกันว่าจะเกิดขึ้น ผมเองเคยเห็นหุ้นขนาดแสนล้านบาทที่วิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากระดับแค่ 1-3 หมื่นล้านบาท แต่ในที่สุดก็ตกลงมาแบบหายนะเมื่อผลประกอบการไม่รองรับและค่าพี/อีที่สูงลิ่ว
รอบนี้ถ้าจะพูดว่าอาจจะมีบางตัวสามารถรักษาระดับราคาอยู่ได้ตลอดไปผมก็คิดว่ามีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามถ้ามองเป็นกลุ่มแล้ว ผมยังคิดว่ารอบนี้ก็น่าจะเหมือนเดิม คือมีวันจบรอบที่ราคาหุ้น ตกลงมาอย่างน่าใจหาย" ดร.นิเวศน์ ระบุ